‘ทำไมอิสราเอลยังต้องเกณฑ์ทหาร’ แม้แต่ผู้หญิงก็ต้องจับปืนสู้ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นรอบด้านจากอดีต
ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่กำลังดุเดือดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หนึ่งในความสนใจของผู้คนทั่วโลก นอกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก็คือ การปฏิบัติภารกิจของ “กองทัพอิสราเอล”
กองทัพอิสราเอลได้ขึ้นชื่อว่า เป็น 1 ใน 10 กองทัพที่แข็งแกร่งมากที่สุดของโลก เนื่องจากมียุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัย และมีความพร้อมในการฝึกประชาชนทุกคนให้สามารถลุกขึ้นสู้ได้
กองทัพอิสราเอลคืออะไร และระบบการเกณฑ์ทหารของอิสราเอลเป็นอย่างไร ? วันนี้ TNN World ได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ในบทความนี้
---ก่อตั้งกองทัพอิสราเอล---
นับตั้งแต่วันประกาศเอกราชของอิสราเอลเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 รัฐบาลได้ตัดสินใจก่อตั้งกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ขึ้นมาในวันที่ 26 พฤษภาคม 1948 เพื่อเป็นกองทัพประจำชาติ พร้อมกับออกคำสั่งให้พลเมืองอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ต้องเข้ารับราชการทหารทุกคน ซึ่งระยะเวลาการประจำการจะแตกต่างกันไปตามเพศสภาพ และการเข้ารับตำแหน่งของบุคคลนั้น ๆ
การเกณฑ์ทหารแบบระยะยาวกลายเป็นภาคบังคับในประเทศ การเกณฑ์ทหารของกองกำลังป้องกันอิสราเอลจะมีผลบังคับใช้เพียงประชาชนจากกลุ่ม 3 ชาติพันธุ์ของอิสราเอลเท่านั้น ได้แก่ กลุ่มชาวยิว ซึ่งพลเรือนในกลุ่มชาติพันธุ์นี้ ทั้งชายและหญิงจำเป็นต้องเกณฑ์ทหารทุกคน
ต่อมาจะเป็นกลุ่มชาวดรูซ และชาวเซอร์แคสเซีย ซึ่ง 2 กลุ่มชาติพันธุ์นี้ จะมีเฉพาะผู้ชายเท่านั้น ที่ถูกบังคับให้เกณฑ์ทหาร เนื่องจากเป็นประชากรส่วนน้อยในอิสราเอล ฉะนั้น ผู้หญิงจากทั้ง 2 ชาติพันธุ์จะได้รับการยกเว้น
ขณะเดียวกัน ทางการอิสราเอลไม่ได้บังคับให้กลุ่มชาวอาหรับมุสลิม และชาวอาหรับคริสเตียน ต้องเข้าร่วมการเกณฑ์ทหาร เหมือนกับ 3 ชาติพันธุ์ดังกล่าว แต่ก็เปิดให้ประชาชนจากกลุ่มนี้ สามารถเข้ารับราชการทหารได้เช่นกัน
---กฎหมายเกณฑ์ทหาร---
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดการเกณฑ์ทหาร เนื่องจากอิสราเอลเป็นประเทศเล็ก ที่มีความเกี่ยวพันกับสงครามครั้งใหญ่ต่อเนื่องหลายครั้งกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ จอร์แดน อิรัก เลบานอน และซีเรีย เป็นต้น ฉะนั้น ทหารทุกนายจึงเป็นที่ต้องการของรัฐบาลอิสราเอล
ตามข้อกฎหมายการเกณฑ์ทหารภาคบังคับของอิสราเอล ระบุไว้ว่า พลเมืองทุกคนของอิสราเอลจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร เมื่ออายุครบ 18 ปี เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาจะมีคุณสมบัติบางประการที่ได้รับการยกเว้น
กลุ่มบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นการบังคับเกณฑ์ทหาร ได้แก่
1. กลุ่มชาวอาหรับมุสลิมและคริสเตียน
2. ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือ มีบุตรแล้ว
3. บุคคลที่มีความเคร่งครัดในเรื่องของศาสนา ซึ่งต้องได้รับการพิสูจน์เรื่องภูมิหลังด้านศาสนาจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน (เป็นเหตุผลเดียวที่ทางกลาโหมสามารถเพิกถอนได้ตลอดเวลาหากจำเป็น)
4. บุคคลที่ได้รับการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เพราะอยู่ในระหว่างการศึกษาศาสนาของชาวยิวในสถาบันที่ถูกกำหนดไว้ (สามารถผ่อนผันไปได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังคงศึกษาอยู่)
อย่างไรก็ตาม บางกรณีก็จะมีบุคคลที่อายุ 17 ปี สามารถเข้ารับราชการทหารได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน
ทั้งนี้ ระยะการรับราชการทหารจะแตกต่างกันไปตามเพศสภาพ และการเข้ารับตำแหน่งของบุคคลนั้น ๆ โดยผู้หญิงต้องประจำการประมาณ 2 ปี (บางตำแหน่งอาจจะต้องรับราชการเพิ่ม 8 เดือน) ส่วนผู้ชายจะต้องประจำการอยู่ที่ 2 ปี 8 เดือน (บางตำแหน่งอาจจะต้องรับราชการเพิ่ม 4 เดือน)
นอกจากนี้ การเกณฑ์ทหารของอิสราเอลยังถูกมองว่า เป็นกองกำลังทหารที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ที่รวบรวมผู้อพยพจากหลายที่ทั่วโลก
แม้พวกเขาจะหมดระยะการประจำการแล้ว แต่พลเมืองทุกคนจะยังมีสิทธิ์ถูกรัฐบาลเรียกเข้าเป็นทหารกองหนุนสำรองไปจนถึงอายุ 54 ปี (ชาย 18-54 ปี, หญิง 18-34 ปี) อย่างไรก็ตาม ทหารเกณฑ์บางคนอาจได้รับการยกเว้นด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม, ศาสนา หรือข้อกฎหมายบางประการ
ส่วนโทษของบุคคลที่พยายามหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ด้วยการให้ข้อมูลและบันทึกทางการแพทย์ปลอม หรือทำให้ร่างกายตนเองพิการ เพื่อหลีกเลี่ยงการรับราชการทหาร บุคคลนั้นจะต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี
---ผู้หญิงถูกบังคับให้เกณฑ์ทหาร---
IDF เป็นกองทัพเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่บังคับให้ผู้หญิงต้องเกณฑ์ทหาร เดวิด เบนกูเรียน นายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอล ได้ให้เหตุผล 2 ประการในการตัดสินใจให้ผู้หญิงเข้ารับราชการทหาร คือ
1.เป็นความจำเป็นเพื่อความมั่นคงของรัฐยิวที่เพิ่งเกิดใหม่ จึงทำให้ทุกคนต้องสามารถรับใช้ชาติได้
2. เป็นความมุ่งมั่นของกองทัพที่มีต่อหลักการความเท่าเทียมทางสังคม โดยเบนกูเรียนเชื่อว่า อิสราเอลควรจะเรียกร้องจากผู้หญิงได้มากพอกับที่เรียกร้องจากผู้ชาย และในขณะเดียวกันก็ต้องให้สิทธิที่เท่าเทียมกับพวกเขาทุกคน
ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะให้ผู้หญิงอิสราเอลเข้ารับการเกณฑ์ทหารภายใต้กฎหมายการเกณฑ์ทหารภาคบังคับ เฉกเช่นเดียวกับชายชาติทหารคนอื่น ๆ ซึ่งสิ่งนี้เป็นมาตรการพิเศษ อันเป็นผลพวงมาจากการขาดแคลนบุคลากรทางทหาร และยังมาจากแนวคิด “กองทัพประชาชน” ของเบนกูเรียนด้วย แนวคิดดังกล่าว เป็นสิ่งที่เขาพยายามจะปลูกฝังประชาชนในช่วงเวลานั้น เพื่อให้กองทัพอิสราเอลมีความเท่าเทียมทางเพศในทุก ๆ ด้าน
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1948 การเกณฑ์ทหารภาคบังคับได้เริ่มต้นจากการให้ผู้หญิงที่ไม่มีลูก ที่เกิดในช่วงปี 1920-1930 ไม่ว่าจะโสดหรือแต่งงาน ต้องเข้ารับราชการทหารทุกคน
“ความมั่นคงของชาติจะไม่คงอยู่ หากผู้หญิงของชาติเราไม่รู้จักวิธีต่อสู้” เบนกูเรียน กล่าว
แม้อดีตนายกฯ อิสราเอล จะยืนกรานในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ แต่ในช่วงแรกที่มีการให้ผู้หญิงเข้าประจำการรับราชการทหาร พวกเธอจะถูกส่งไปทำงานเป็นพนักงานธุรการ, พยาบาล และครู ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รับรู้กันว่า เป็นตำแหน่งของผู้หญิง
---เมื่อสตรีจับปืนสู้---
ณ ช่วงเวลานั้น ผู้หญิงที่รับราชการทหาร มีหน้าที่หลายตำแหน่ง เช่น พยาบาล คนขับรถ เสมียน และคนทำอาหาร โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ Women’s Corp หน่วยงานที่ดูแลทหารหญิงอิสราเอลทั้งหมด และมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลสิ่งที่จำเป็นต่อพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นการฝีก และการเข้าร่วมกับหน่วยต่าง ๆ ของ IDF
นอกจากนี้ Women’s Corp ยังส่งทหารหญิงไปเป็นครูในพื้นที่ที่กำลังพัฒนา และพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านของอิสราเอล
ต่อมาเมื่อกำลังพลทหารขาดแคลนอย่างหนัก รัฐบาลจึงได้มีการนำทหารหญิงเข้าสู่สนามรบ ร่วมต่อสู้เคียงบ่า เคียงไหล่กับทหารชายอย่างกล้าหาญ ซึ่งในอดีตทหารหญิง จะถูกรัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมรบ โดยจะทำหน้าที่แค่สนับสนุนงานด้านเทคนิคและการบริหารจัดการ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการถอดถอนทหารหญิงออกจากสนามรบแนวหน้า และให้ทหารหญิงทั้งหมดกลับเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยอ้างถึงความกังวลที่ว่า ทหารหญิงอิสราเอลเสี่ยงจะถูกจับเป็นตัวประกัน และถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยกองกำลังอาหรับที่เป็นศัตรู ณ ตอนนั้นได้
---หนึ่งในกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งสุดของโลก---
ด้วยความที่อิสราเอลมักตกอยู่ในภาวะสงครามบ่อยครั้ง ทำให้ชายและหญิงที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วทุกคน จะต้องเข้ารายงานตัวภายใน 24-48 ชั่วโมงทันที หากประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม และรัฐบาลต้องการกองกำลังหนุน ซึ่งในความเป็นจริงกองทัพสามารถระดมพลได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ ทำให้อิสราเอลเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามรบได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์
ปัจจุบัน อิสราเอลมีทหารเข้าประจำการอยู่ที่ราว 169,500 นาย และมีทหารกองหนุนราว 465,000 นาย และเมื่อปี 2021 ใช้งบประมาณด้านกลาโหมไปมากถึง 2.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9 แสนล้านบาท คิดเป็น 5.2% ของ GDP ประเทศ
นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังมียุทโธปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบต่อต้านขีปนาวุธชั้นสูง, กองทัพโดรนล้ำสมัย, รถถัง Merkava และหุ่นยนต์ตระเวนชายแดน เป็นต้น ซึ่งทำให้อิสราเอลกลายเป็นประเทศที่มีกองทัพอันแข็งแกร่งระดับต้น ๆ ของโลก
---เรียกกองหนุนนับแสนสู้กลุ่มฮามาส---
จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ล่าสุดทางรัฐบาลอิสราเอลได้เรียกทหารกองหนุนกว่า 3 แสนนาย เพื่อปฏิบัติการตอบโต้โจมตีกลุ่มติดอาวุธฮามาสในแนวหน้าของฉนวนกาซาแล้ว
ด้านโฆษกของกองทัพอิสราเอล เผยว่า ทหารกองหนุนกว่า 3 แสนนายถูกเรียกเข้าประจำการมาตั้งแต่วันเสาร์ (7 ตุลาคม) ซึ่งเป็นตัวเลขดังกล่าวที่บ่งชี้ ให้เห็นถึงการเตรียมการบุกที่อาจเกิดขึ้นได้จากฝั่งอิสราเอล แม้ว่าแผนการดังกล่าว จะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม
ทั้งนี้ โฆษกกองทัพอิสราเอล ยังกล่าวต่อไปว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดจากฝั่งอิสราเอลเพิ่มขึ้นเป็น 700 รายแล้ว ในจำนวนดังกล่าว มีทหารอิสราเอลที่ถูกสังหารไป 73 ราย ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลก็ได้สังหารนักรบกลุ่มฮามาสไปแล้วหลายร้อยราย
—————
แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์
ภาพ: AFP
ข้อมูลอ้างอิง:
https://en.wikipedia.org/wiki/Conscription_in_Israel
https://jwa.org/encyclopedia/article/israel-defense-forces
https://en.wikipedia.org/wiki/Israel_Defense_Forces
https://www.youtube.com/watch?v=yl3HTEpeKhM&t=263s
https://www.reuters.com/world/middle-east/israel-drafts-300000-reservists-it-goes-offensive-2023-10-09/