
รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์เพื่อแสดงจุดยืนของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าสิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำในขณะนี้ เป็นการกีดกันทางการค้า เป็นการรังแกทางเศรษฐกิจ ซึ่งละเมิดหลักการพื้นฐานทางการค้าเสรี ไม่เคารพสมดุลการค้าแบบพหุภาคี และใช้ภาษีเป็นเครื่องมือกดดันอย่างสุดโต่งเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ละเมิดสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นอย่างร้ายแรง ฝ่าฝืนกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ซึ่งเป็นการกระทำที่บั่นทอนเสถียรภาพของระเบียบเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนระบุว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ควรเป็นไปในลักษณะที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซึ่งแม้ว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการขึ้นภาษีแบบสุดโต่ง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการค้าเสรี แต่จีนในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก จะยังคงเปิดประตูสู่โลกภายนอกกว้างขึ้น ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยจีนจะดำเนินนโยบายที่เปิดกว้างต่อการค้าแบบเสรีและเปิดรับการลงทุน ตลอดจนยึดหลักกฎหมายสากล เพื่อส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศ เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน

สรุปข่าว
กระทรวงการคลังของจีน ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด 34% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนนี้ เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรีบกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 34% ซึ่งหากรวมกับภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากรัฐบาลจีนอยู่แล้ว จะเท่ากับว่าสินค้าจีนถูกเก็บภาษีสูงถึง 54% โดยแถลงการณ์ของรัฐบาลจีนยังย้ำว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าและการกีดกันทางการค้าจะนำไปสู่ทางตัน จึงเรียกร้องให้ทุกประเทศหันมาเจรจา ร่วมกันทางหาทางออกที่ทุกฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน

กองบรรณาธิการ TNN