ทรัมป์จะลงนามคำสั่งแก้กฎการเลือกตั้ง เน้นให้เฉพาะชาวอเมริกันมีสิทธิ์เลือกตั้ง

1. จะต้องรับรองการเป็นพลเมืองอเมริกันเสียก่อน

เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ "คนที่ไม่ใช่คนอเมริกัน" เข้าสู่กระบวนการลงคะแนนในศึกเลือกตั้ง ซึ่งผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง จะต้องส่งหลักฐานอย่างเป็นทางการที่แสดงตนว่าเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เช่น หนังสือเดินทางสหรัฐฯ หรือสูติบัตร

หน่วยงานรัฐบาลกลาง รวมถึงกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ จะต้องแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่แต่ละรัฐสามารถตรวจสอบว่าคนใดไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิสำหรับผู้มีสิทธิ์ออกเสียงแสดงความกังวล เนื่องจากเรื่องนี้พุ่งเป้าป้องกันกลุ่มคนเพียงน้อยนิด แต่อาจกระทบต่อผู้มีสิทธิ์โหวตหลายล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึง หรือครอบครองเอกสาร อย่างพาสปอร์ต ทั้งในการลงทะเบียนเพื่อโหวต และการลงคะแนนเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีข้อมูลจาก Public Citizen ที่เผยว่า มีชาวอเมริกันที่ไม่มีพาสปอร์ตมากถึง 146 ล้านคน รวมถึงความกังวลต่อผู้หญิงแต่งงานแล้ว ที่เปลี่ยนนามสกุล ก็อาจยากต่อพวกเธอที่จะลงทะเบียนเพื่อโหวต เนื่องจากสูติบัตรของพวกเธอ ระบุนามสกุลเดิม 

2. กำหนดส่งบัตรลงคะแนน

บัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะต้องได้รับในวันเลือกตั้งเพื่อนับคะแนน เพื่อหวังปรับให้มาตรฐานแต่ละรัฐเป็นไปในแนวทางเดียวกัน เนื่องจากยังมีบางรัฐ รวมถึงรัฐสมรภูมิ ที่สามารถรับบัตรเลือกตั้งหลังวันเลือกตั้งได้ แต่จะต้องมีตราประทับไปรษณีย์ก่อนวันเลือกตั้ง เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย อนุญาติให้บัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์มาถึงได้หลังวันเลือกตั้งถึง 7 วัน ตราบใดที่ postmark หรือตราประทับไปรษณีย์มีขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง

แม้เรื่องนี้จะได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม รวมถึงมูลนิธิเฮอริเทจ (Heritage Foundation)  ที่ชื่นชมประธานาธิบดีทรัมป์ที่ออกมาตรการที่ควรจะมีมาอย่างยาวนาน เพื่อให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และกระทรวงยุติธรรมทำงานร่วมกับรัฐต่าง ๆ แทนที่จะพยายามขัดขวางความพยายามปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่น่าเสียดายของรัฐบาลไบเดน 

ที่ผ่านมา ทรัมป์มักจะตั้งคำถามถึง "ผลของการเลือกตั้ง" รวมถึงศึกเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาพ่ายแพ้กับกับโจ ไบเดน ซึ่งเขากล่าวย้ำแบบไร้หลักฐานชัดเจนว่า เป็นผลจากการทุจริตการลงคะแนนเสียงอย่างแพร่หลาย