สหรัฐฯ หยุดช่วยต่างชาติกระทบรักษา HIV อย่างหนักใน 8 ประเทศ

วันนี้ ( 18 มี.ค. 68 )องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงว่า การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการระงับความช่วยเหลือต่างชาติ ส่งผลให้การจัดหายาต้านไวรัสเอชไอวี (HIV) ใน 8 ประเทศ "หยุดชะงักอย่างมาก" ซึ่งอาจทำให้ยาที่ช่วยชีวิตหมดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งทั้ง 8 ประเทศ ประกอบด้วย เฮติ, เคนยา, เลโซโธ, ซูดานใต้, บูร์กินาฟาโซ, มาลี, ไนจีเรียและยูเครน  

เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวนการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า "การหยุดชะงักของโครงการเอชไอวี อาจทำลายความก้าวหน้าที่ดำเนินมาเป็นเวลา 20 ปีได้" และยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากเอชไอวีอีก 3 ล้านราย

สหรัฐฯ หยุดช่วยต่างชาติกระทบรักษา HIV อย่างหนักใน 8 ประเทศ

สรุปข่าว

องค์การอนามัยโลก เผย การตัดความช่วยเหลือต่างชาติของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโครงการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีใน 8 ประเทศ

ความพยายามในการแก้ไขปัญหาเอชไอวี, โปลิโอ มาเลเรีย และวัณโรค ได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักในการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินการโดยทรัมป์ ไม่นานหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

นอกจากนี้ เครือข่ายห้องปฏิบัติการโรคหัดและหัดเยอรมันระดับโลกที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการกว่า 700 แห่งทั่วโลก กำลังเผชิญกับการปิดตัวลงในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่โรคหัดกำลังกลับมาระบาดอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา

เกเบรเยซุส กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องมีความรับผิดชอบเพื่อทำให้แน่ใจว่า หากถอนเงินทุนช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ โดยตรงแล้ว จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระเบียบและมีมนุษยธรรม เพื่อช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถหาแหล่งเงินทุนทางเลือกอื่น ๆ ได้

ที่มาข้อมูล : รอยเตอร์

ที่มารูปภาพ : AFP