มาร์ค คาร์นีย์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้นำของพรรคเสรีนิยมของแคนาดาหลังจากการเลือกตั้งภายในที่ดุเดือดยาวนานหลายเดือน เพื่อเข้ามาแทนที่จัสติน ทรูโด
สรุปข่าว
คาร์นีย์จะต้องนำพรรคเสรีนิยมเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งถัดไป ซึ่งต้องจัดขึ้นก่อนวันที่ 20 ตุลาคม แต่สามารถเรียกเลือกตั้งได้เร็วกว่านั้น โดยเขาน่าจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักหน่วงจากพรรคอนุรักษ์นิยมที่กำลังมีคะแนนนิยมนำอยู่ในการสำรวจความคิดเห็น
แม้ว่าเขาจะเข้ารับตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีนิยมทันที แต่ทรูโดจะยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแคนาดาต่อไปในช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านที่ยังไม่เปิดเผย ขณะที่คาร์นีย์จะเริ่มทำงานทันที ซึ่งเมื่อทรูโดประกาศวันที่แน่ชัดว่าจะลงจากตำแหน่งเมื่อใด คาร์นีย์ก็จะเตรียมตัวสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อทันที
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่คาร์นีย์ต้องรับมือทันทีคือ ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างแคนาดากับสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตำหนิแคนาดาหลายครั้งในข้อหาการอพยพผิดกฎหมายเข้าสู่สหรัฐฯ และข่มขู่ว่าจะทำให้แคนาดากลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาอย่างหนัก โดยรัฐบาลทำเนียบขาวชี้ว่าเป็นการกระทำที่จำเป็นเพื่อยับยั้งการไหลเข้าของเฟนทานิล
ในการแถลงข่าวครั้งแรกหลังจากผลการเลือกตั้ง คาร์นีย์ได้กล่าวถึงความตึงเครียดกับสหรัฐฯ โดยระบุว่ารัฐบาลของเขาจะสร้างความสัมพันธ์การค้าใหม่กับพันธมิตรทางการค้าที่เชื่อถือได้ พร้อมทั้งยืนยันจะคงภาษีตอบโต้สหรัฐฯจนกว่าชาวอเมริกันจะแสดงความเคารพต่อแคนาดา
ส่วนนโยบายหลักของคาร์นีย์ มุ่งเน้นที่การนำความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมาสู่แคนาดาด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุที่สำคัญ และการทำให้แคนาดากลายเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด โดยย้ำว่าการเป็นประเทศที่มีคาร์บอนต่ำจะช่วยให้แคนาดามีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เขายังได้เสนอแนะให้ภาระภาษีคาร์บอนจากผู้บริโภคย้ายไปยังบริษัทใหญ่ และได้กล่าวว่า ภายใต้การนำของเขา ภาษีที่ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กของแคนาดาจ่ายจะถูกแทนที่ด้วยการสนับสนุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
พิชญาภา สูตะบุตร