
การโจมตีครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในภูมิภาคโดเนตสก์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน และบาดเจ็บ 40 คน รวมถึงเด็กด้วย 6 คน นอกจากนี้ อาคารบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอื่นก็ถูกโจมตีด้วย รวมถึงเมืองคาร์คิฟและโอเดสซา

สรุปข่าว
การโจมตีของรัสเซียได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลังจากที่สหรัฐฯ หยุดการให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแลกเปลี่ยนข่าวกรองกับเคียฟ โดยมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างการประชุมในห้องทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้แห่งยูเครน
การโจมตีที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) ในเมืองโดโบรพิลยาในเขตโดเนตสค์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย เมื่อขีปนาวุธสองลูกโจมตีอาคารที่พักอาศัย 8 หลังและศูนย์การค้าหนึ่งแห่ง เจ้าหน้าที่รายงาน
หลังจากหน่วยกู้ภัยมาถึง รัสเซียได้ยิงโจมตีอีกครั้งโดยตั้งใจโจมตีผู้กู้ภัย ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวในโพสต์ทางเทเลแกรมว่า การโจมตีแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของรัสเซียยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
การโจมตีอื่น ๆ ในพื้นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คนและได้รับบาดเจ็บ 13 คนในวันศุกร์และเสาร์ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าว
โดรนโจมตีบริษัทในโบโฮดูคิฟในเขตคาร์คิฟ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและได้รับบาดเจ็บ 7 คนเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา โอเลฮ ซินเยฮูบอฟ หัวหน้าภูมิภาครายงาน
ในขณะเดียวกัน ยูเครนยังคงโจมตีตอบโต้รัสเซีย โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า กองกำลังของพวกเขาสามารถสกัดกั้นโดรนยูเครนได้ 31 ลำในคืนที่ผ่านมา
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มี.ค.) ว่า เขาพบว่ายากขึ้นมากที่จะแก้ปัญหากับยูเครน มากกว่ากับรัสเซียในการพยายามหาทางเจรจาสันติภาพระหว่างสองประเทศ
ไม่นานก่อนหน้านี้ ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังพิจารณาอย่างจริงจัง กับการใช้มาตรการคว่ำบาตรและภาษีต่อรัสเซียจนกว่าจะมีการหยุดยิงกับยูเครน
นอกจากการหยุดการให้ความช่วยเหลือทางทหารและข่าวกรองแล้ว สหรัฐฯ ยังระงับการเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมบางส่วนของยูเครน ตามรายงานของบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ Maxar เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

พิชญาภา สูตะบุตร