
หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากแคนาดาและเม็กซิโกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ล่าสุด แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจชะลอการเก็บภาษีนำเข้าในส่วนยานยนต์กออกไปอีก 1 เดือน แต่สำหรับภาษีกับสินค้าอื่น ๆ ยังคงจัดเก็บต่อไป พร้อมระบุด้วยว่า มีเสียงเรียกร้องจากผู้บริหารค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 รายของสหรัฐฯ ได้แก่ เจเนอรัล มอเตอร์, ฟอร์ด และสเตลแลนทิส ที่ขอให้ระงับการเก็บภาษีสำหรับยานยนต์นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ที่ปฏิบัติตามกฎแหล่งกำเนิดสินค้าตามข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโกและแคนาดา เมื่อปี 2020 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐฯ ด้วย รวมทั้งผู้ผลิตยานยนต์ต่างชาติรายอื่น ๆ ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์

สรุปข่าว
โฆษกทำเนียบขาวแจ้งด้วยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บอกกับผู้บริหารบริษัทยานยนต์แล้วว่า ควรเริ่มลงทุนและย้านฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ ที่ไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร เป็นตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า คาดหวังว่าบริษัทยานยนต์จะสามารถย้ายฐานการผลิตกลับมาสหรัฐฯ ได้ภายใน 1 เดือนเช่นนั้นหรือไม่
ส่วนสงครามการค้ากับจีนนั้น สหรัฐฯ ได้เพิ่มภาษีกับจีนเพิ่มอีก 10% เป็น 20% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเช่นกัน (4 มี.ค.) ทำให้บรรดาคณะผู้นำจีนซี่งกำลังจัดการประชุมสองสภา วาระทางการเมืองการปกครองที่สำคัญของประเทศ ต่างแสดงท่าทีพร้อมรับมือสหรัฐฯ โดยนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังใช้แนวทางกีดกันการค้า แต่จีนก็พร้อมใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เติบโตด้วยเป้าหมาย 5% ในปีนี้
ต่อมาสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ที่มีถ้อยคำแข็งกร้าวว่า หากสหรัฐฯ ต้องการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษี สงครามการค้า หรือสงครามประเภทใดก็ตาม จีนก็พร้อมที่จะต่อสู้ โดยในการแถลงต่อสมัชชาประชาชนแห่งชาตินั้น นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ยังได้ประกาศเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นเป็น 7.2% ด้วย
ที่มาข้อมูล : Reuters, CCTV
ที่มารูปภาพ : Reuters

พิชญาภา สูตะบุตร