
สำนักวาติกัน แถลงเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ว่า สุขภาพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่ทางคณะแพทย์ระบุอาการของพระองค์ว่า อยู่ในขั้น ‘วิกฤต’ พร้อมทั้งรายงานว่า พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด

สรุปข่าว
สำนักวาติกัน ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า โป๊ปฟรานซิส อายุ 88 ปี ซึ่งประชวรด้วยโรคปอดอักเสบทั้งสองข้าง ประสบกับ ‘ภาวะวิกฤตระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดมาเป็นเวลานาน’ ซึ่งแถลงการณ์บอกว่า อาการของพระองค์ยังคงวิกฤต ‘โป๊ปยังไม่พ้นขีดอันตราย’
สำนักวาติกันกล่าวว่า พระสันตะปาปาทรงตื่นตัวและทรงนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าพระองค์จะทรงประชวรมากกว่าเมื่อวานก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพยากรณ์โรคที่ชัดเจน
โป๊ปทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน
การรักษาพระองค์ยังคงต้องการการพักผ่อนอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าพระองค์จะยังคงทำงานบางส่วน เช่น การโทรศัพท์ในสองวันแรกที่เข้ารับการรักษากับบาทหลวงกาเบรียล โรมานิลลีและผู้ช่วยบาทหลวงยูซุฟ อาซาด ในเมืองกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการโจมตีจากอิสราเอลหลังการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังได้ลงนามในคำตัดสินต่างๆ ที่โรงพยาบาล ซึ่งโฆษกวาติกันกล่าวกับสื่อมวลชนว่า จนถึงตอนนี้มีเพียงผู้ร่วมงานใกล้ชิดของพระองค์เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี ได้เข้าเยี่ยมพระองค์เป็นเวลา 20 นาทีในวันพุธที่ผ่านมา (19 ก.พ.)
ที่มาข้อมูล : CNN, Reuters
ที่มารูปภาพ : Reuters

พิชญาภาสูตะบุตร
()