

สรุปข่าว
วันนี้ (02ต.ค.62) วิกฤตการผละงานประท้วงของค่ายเจอเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ของสหภาพแรงงานในสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของบริษัท เนื่องจากโรงงานประกอบรถยนต์ในต่างแดนไม่สามารถเปิดดำเนินการผลิตได้ บีบให้จำเป็นต้องมีการปลดแรงงานเพิ่มอีก 6,000 ตำแหน่งในเม็กซิโก เพื่อเลี่ยงผลกระทบจากภาระต้นทุน โดยจีเอ็ม ค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 6,000 คนในเม็กซิโก เนื่องจากชิ้นส่วนในการผลิตไม่เพียงพอ ตามหลังการเลิกจ้างพนักงานร่วม 4,000 คนจากทั้งโรงงานในเม็กซิโก แคนาดา และรัฐโอไฮโอของสหรัฐ ส่งผลให้ตัวเลขการเลิกจ้างแรงงานนับตั้งแต่เกิดเหตุผละงานประท้วงในครั้งนี้ของจีเอ็มมีมากถึง 10,000 คนแล้ว อย่างไรก็ตาม พนักงานที่เลิกจ้างทั้งหมดไม่ได้อยู่ในเครือสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ ยูไนเต็ดออโต้เวิร์กเกอร์ส หรือ UAW ที่เป็นผู้ดำเนินการประท้วงจีเอ็ม เนื่องจากไม่สามารถตกลงเรื่องสัญญาจ้างงานใหม่ได้
สำหรับโรงงานในเม็กซิโกที่จีเอ็มเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากไม่สามารถเปิดการผลิตได้ในครั้งนี้ เป็นโรงงานผลิตรถกระบะเชฟโรเล็ต ซิลเวอราโด (Cheverolet Silverado) และ จีเอ็มซี เซียร์รา 1500 (GMC Sierra 1500) ซึ่งล้วนเป็นรุ่นขายดีที่ทำรายได้ให้กับทางจีเอ็มอย่างมาก ทำให้นักวิเคราะห์หลายฝ่าย รวมถึง นาย มิเชลล์ เครบส์ นักวิเคราะห์จากออโต้เทรเดอร์ ประเมินว่า ผลประกอบการในปีนี้ของจีเอ็มไม่น่าจะสดใส เนื่องจากการผละงานประท้วงมาในช่วงที่รถกระบะมักขายดีที่สุดของปี และยิ่งการผละงานประท้วงลากยาวไปนานเท่าไร โรงงานอื่นๆ ของจีเอ็มก็จะยิ่งได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ด้าน นาย ไบรอัน จอห์นสัน นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์ส คาดการณ์ว่า การผละงานประท้วงจะทำให้จีเอ็มสูญเสียกำลังการผลิตมากกว่า 100,000 หน่วยในไตรมาส 3 ของปีนี้ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 23,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การผละงานประท้วงมีขึ้นตั้งแต่วัน 16 กันยายนที่ผ่านมา โดยบรรดานักวิเคราะห์วอลสตรีทได้คาดการณ์ว่า ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการหยุดผลิตในครั้งนี้จะอยู่สูงถึง 50-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ขณะที่ เจพีมอร์แกน ธนาคารเพื่อการลงทุน คาดการณ์ว่า ความเสียหายของจีเอ็มอาจทะลุเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 30,000 ล้านบาทแล้ว
ที่มาข้อมูล : -