ราคาทองคำพุ่งทะลุ 3,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น
ราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการให้สัมภาษณ์ของนายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัดในรายการ WEALTH LIVE ระบุว่า ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน
สรุปข่าว
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อเมื่อย่อตัว ขายทำกำไรเป็นช่วงๆ
นายแพทย์กฤชรัตน์แนะนำว่า นักลงทุนที่เก็งกำไรและลงทุนในทองคำควรใช้กลยุทธ์ ขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น และเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาปรับฐานลงมา โดยระดับราคาที่แนะนำให้พิจารณาเข้าซื้ออยู่ที่ ประมาณ 2,990-3,000 ดอลลาร์ สำหรับราคาทองคำต่างประเทศ และ 47,300-47,500 บาท สำหรับราคาทองคำไทย
"ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับฐานลงมาไม่ลึกมากนัก เนื่องจากแรงซื้อยังคงแข็งแกร่ง นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์ทยอยทำกำไรและเข้าซื้อคืนที่ระดับต่ำกว่า 1-2% จากจุดขาย" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว
ผลกระทบจากเฟดและปัจจัยเศรษฐกิจโลก
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำนั้น นายแพทย์กฤชรัตน์มองว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากตลาดรับรู้ไปแล้วว่าเฟดยังไม่มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำในรอบนี้คือ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสงครามการค้า ซึ่งยังไม่มีท่าทีจะยุติลงง่ายๆ
"การที่ราคาทองคำแตะ 3,000 ดอลลาร์เร็วกว่าที่คาดการณ์ไปถึง 4-5 เดือน ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางการค้า ซึ่งอาจหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปแตะระดับ 3,200-3,500 ดอลลาร์ภายในปีนี้" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ หลายสถาบันการเงินระดับโลก เช่น JP Morgan และ Goldman Sachs ได้มีการปรับคาดการณ์ราคาทองคำขึ้นไปที่ 3,200-3,500 ดอลลาร์ สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวกในตลาดทองคำระยะยาว
ทองคำไทยยังคงแข็งแกร่ง แม้เงินบาทผันผวน
สำหรับราคาทองคำไทย แม้ว่าจะได้รับอิทธิพลจากราคาทองคำโลก แต่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา โดยในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่กระทบต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในประเทศมากนัก ปัจจุบันราคาทองคำไทยทำ จุดสูงสุดใหม่ (All-time High) ที่ 47,650 บาท และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นตามราคาทองคำโลก
"กลยุทธ์สำหรับทองคำไทยก็ไม่ต่างจากทองคำโลก คือให้ขายทำกำไรที่ระดับสูง และเข้าซื้อเมื่อราคาย่อลงมา โดยแนะนำให้พิจารณาที่ระดับ 47,300-47,500 บาท" นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าวเพิ่มเติม
แนะนำบริหารความเสี่ยง ลดเลเวอเรจ(Leverage)ในตลาดฟิวเจอร์ส
สำหรับนักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส นายแพทย์กฤชรัตน์แนะนำให้ ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง และติดตามสถานะอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความผันผวนของตลาดอาจสูงขึ้นในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ "การลงทุนทองคำในรอบนี้ควรใช้กลยุทธ์ที่รัดกุม และไม่ควรเปิดสถานะด้วยมาร์จิ้นสูงเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงจากการเหวี่ยงของราคา" เขากล่าว
ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น นักลงทุนควรเก็งกำไรตามแนวโน้ม
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ ราคาทองคำยังมีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 3,200-3,500 ดอลลาร์ สำหรับตลาดโลก และ 48,000 บาท สำหรับราคาทองคำไทย นักลงทุนน่าจะใช้โอกาสนี้ในการบริหารพอร์ตด้วยกลยุทธ์ทยอยขายทำกำไร และเข้าซื้อเมื่อราคาปรับฐาน
ตลาดทองคำยังเป็นที่จับตามอง และอาจกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่แม่นยำยิ่งขึ้น