HFT คืออะไร ทำไมถึงถูกมองเป็นผู้ร้ายในตลาดหุ้น WEALTH STORY I WEALTH LIVE

นักลงทุนหลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับคำว่า “High Frequency Trading” หรือ HFT ซึ่งในระยะหลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่จากหลายมุมมองก็ให้ความเห็นว่า HFT นั้นเป็นผู้ร้ายของตลาดหุ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เรามาหาคำตอบกัน

สรุปข่าว

ถึงแม้ว่านักลงทุนกลุ่ม HFT จะมีบทบาทอย่างมากในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายมากกว่า 40% ของมูลค่าซื้อขายรวม แต่การที่จะบอกว่า HFT นั้นเป็นผู้ร้ายที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดนั้น คงไม่สามารถที่จะพูดได้อย่างเต็มปาก เพราะตลาดที่ค่อนข้างอ่อนไหวของประเทศไทย ก็สามารถขึ้นลงได้ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงเพราะ HFT เพียงกลุ่มเดียว

High Frequency Trading หรือ HFT คือรูปแบบการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติโดยประมวลผล และตัดสินใจซื้อขายด้วยโปรแกม หรือ program trading เป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั่วโลก เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งคำสั่งซื้อขาย

โดยนักลงทุนกลุ่มนี้จัดเป็นนักลงทุน program trading ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้กลยุทธ์ความเร็วสูง และมีความถี่ในการซื้อขายที่สูง ไม่นิยมถือครองหลักทรัพย์ไว้นาน โดย HFT มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของมูลค่าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา และคิดเป็นเกือบ 50% ของมูลค่าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในยุโรป เช่นเดียวกันกับสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบัน

ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์สำคัญในภูมิภาค เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ก็เปิดกว้างให้กับนักลงทุนในกลุ่ม HFT เหมือนนักลงทุนทั่วไป สามารถซื้อขายได้ทุกหลักทรัพย์ และไม่คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการเป็นนักลงทุนประเภทนี้ รวมถึงไม่มีการใช้ระบบใด ๆ เพื่อชะลอความเร็วของคำสั่งซื้อขายที่ส่งมา

ส่วนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงอีกหลายตลาดในภูมิภาค มีการกำหนดให้ HFT ต้องลงทะเบียนก่อนจึงสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเข้ามาได้ เพื่อช่วยให้การกำกับดูแล และควบคุมความเสี่ยงรัดกุมยิ่งขึ้น รวมถึงมีข้อปฏิบัติเพื่อการบริหารความเสี่ยงที่บริษัทหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตาม เพื่อการตรวจจับคำสั่งซื้อขายที่อาจส่งผิด พลาดโดยไม่ตั้งใจ หรือป้องกันการส่งคำสั่งในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างราคา หรือปริมาณการซื้อขายเพื่อให้นักลงทุนเข้าใจผิด ซึ่งอาจกระทบต่อภาพรวม และความเชื่อมั่นของตลาดได้

ทั้งนี้ 80% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดของนักลงทุนกลุ่ม HFT กระจุกตัวอยู่ในหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น SET100 ส่วนหลักทรัพย์ขนาดกลาง และเล็ก หรือ กลุ่มนอก SET100 ก็มี HFT ร่วมซื้อขายอยู่แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนที่ไม่ได้สูงมากนัก

ซึ่งจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปี 2023 พบว่า หุ้นที่ราคาลดลงมากกว่า 30% ในไตรมาสแรกของปี 2023 หรือมีราคาลดลงภายในวันใดวันหนึ่ง มากกว่า 20% จะพบว่ามีนักลงทุนในกลุ่ม HFT ไม่ได้มีบทบาทที่สูงมากในการซื้อขายหุ้นดังกล่าว อยู่ที่เพียงระดับ 15-20% เท่านั้น จึงไม่อาจจะบอกได้ว่านักลงทุนกลุ่ม HFT จะสามารถกดดันราคาหุ้นในตลาดให้ร่วงลงแรง เนื่องจากหุ้นที่ระดับราคาลดลงมากนั้นส่วนใหญ่ถูกซื้อขายกันโดยผู้ลงทุนบุคคลเป็นหลัก

avatar

มงคล เกษตรเวทิน