จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อตลท.ปรับเกณฑ์หุ้นถ่วงน้ำหนัก SET50-100 WEALTH STORY I WEALTH LIVE

หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเตรียมปรับเกณฑ์ในการจำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวในการคำนวนดัชนี SET50-SET100 หรือ Capped Market Weight โดยคาดว่าจะสามารถในเกณฑ์ดังกล่าวที่คาดว่าจะเริ่มใช้ภายในเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งการปรับเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อดัชนี หรือหุ้นในกลุ่มไหน อย่างไร เรามาหาคำตอบกัน

สรุปข่าว

จะเห็นการปรับใช้เกณฑ์ Capped Market Weight ก็เป็นมาตรการอย่างหนึ่งที่จะทำให้ดัชนีนั้นสามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดได้ดียิ่งขึ้น ลดผลกระทบจากความผันผวนของหุ้นขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวได้ แต่ก็ส่งผลให้หุ้นขนาดใหญ่นั้นไม่สามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้ และอาจจะกลายเป็นเพดานที่คอยขวางราคาหุ้นในอนาคต ที่ถึงแม้มีปัจจัยพื้นฐานที่เติบโต แต่ราคาก็ไม่สามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงผ่านดัชนีได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า SET50 และ SET100 ในปัจจุบันใช้เกณฑ์ในการคำนวนแบบมูลค่าตลาดถ่วงน้ำหนัก หรือ Market Capitalization Weight ซึ่งสามารถสะท้อนขนาดของแต่ละหลักทรัพย์ที่แท้จริง ที่มีผลต่อดัชนีได้

แต่ในปัจจุบันมีหุ้นขนาดใหญ่ที่มี Market Cap. ที่สูงมาก เมื่อเทียบกับหุ้นที่ใช้ในการคำนวนดัชนี ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่นั้น มีอิทธิพลต่อดัชนีมากเกินไป จนไม่สามารถที่จะสะท้อนภาพรวมของตลาดได้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการกระจายความเสี่ยงของนักลงทุนได้

ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงมีการปรับเกณฑ์การจำกัดน้ำหนักหุ้นในการนำมาคำนวนดัชนี หรือ Capped Market Weight มาใช้โดยจะมีการจำกัดน้ำหนักของหุ้นที่นำมาคำนวนในดัชนี SET50 และ SET100 ให้มีเพดานอยู่ที่ 10% ของดัชนี ซึ่งการปรับเกณฑ์ดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบต่อดัชนีที่ถูกใช้คำนวนในหลายแง่มุม ดังนี้

ประเด็นแรกคือการเคลื่อไหวของดัชนีก็จะสามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ถูกจำกัดลง ดัชนีก็จะไม่เคลื่อนไหวผันผวนไปตามความผันผวนของหุ้นตัวใหญ่เพียงตัวเดียว นักลงทุนก็สามารถที่จะลงทุน หรือใช้ดัชนีในการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ประเด็นถัดมาสำหรับหุ้นที่มีขนาด Market Cap. ที่ไม่เกิน 10% อยู่แล้วก็จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ต่อเกณฑ์ดังกล่าวในทางตรง แต่อาจจะได้รับผลบวกในทางอ้อม เช่น เมื่อมีการจำกัดน้ำหนักในหุ้นที่มี Market Cap. เกิน 10% หุ้นที่มีขนาดเล็กกว่าก็จะมีสัดส่วนของน้ำหนักในการคำนวนมากขึ้น การเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดเล็กลงมาก็จะมีโอกาสสะท้อนไปยังดัชนีมากขึ้น

ในทางกลับกัน หุ้นที่มีขนาด Market Cap. ที่สูงเกิน 10% ของดัชนี ก็จะถูกจำกัดน้ำหนักการเคลื่อนไหวที่มีผลต่อดัชนี ทำให้ไม่สามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นผ่านดัชนีได้ นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเลียนแบบกับดัชนี ก็อาจจะเป็นต้องลดสัดส่วนการลงทุนลงเพื่อให้สะท้อนมูลค่าหุ้นที่แท้จริงผ่านดัชนีได้

ซึ่งถ้าหากเกิดกรณีที่หุ้นที่มีขนาดใหญ่ถูกเทขายเพื่อลดน้ำหนักการลงทุนลงมา ส่วนหุ้นที่เหลือสามารถเคลื่อนตัวในลักษณะที่เป็นบวกสวนทาง ก็จะเป็นการลดน้ำหนักของหุ้นขนาดใหญ่ และเพิ่มน้ำหนักให้กับหุ้นขนาดเล็กในการคำนวนดัชนีไปในตัว ภาพรวมของดัชนีก็จะมีความสมดุล สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นแต่ละตัวที่ถูกนำมาคำนวนในดัชนีได้ดียิ่งขึ้น

avatar

มงคล เกษตรเวทิน

แท็กบทความ

ตลท
หุ้นถ่วงน้ำหนัก
SETIndexหุ้นไทยการลงทุน