
นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 60% จากปีก่อน ซึ่งล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ 1,763 ล้านบาท จากโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568-2569
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 2,414 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทได้วางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 580 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายในช่วงเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว สามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ทั้งไตรมาสแล้ว มาจากการขายโครงการที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ ซึ่งมีมูลค่ารวกว่า 4,551 ล้านบาท
สำหรับในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,945 ล้านบาท เป็นโครงการในพื้นที่เชียงใหม่ทั้ง 2 โครงการ โดยประกอบด้วย 1.โครงการแนวราบ HABITAT เป็นบ้านหรูสไตล์ Neo Classic มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568 และ 2.โครงการคอนโดมิเนียม THE ASTRA เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี บนทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568
เเละบริษัทยังมีแผนเปิดโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตารางเมตร (พื้นขาย 2,600 ตารางเตร) มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท เป็นศูนย์กลางใหม่แห่งการช้อปปิ้งและการพักผ่อนครบวงจร ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วยพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ และพื้นที่การศึกษาบนอาคาร 2 ชั้น คาดพร้อมให้บริการภายในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี

สรุปข่าว
“การลงทุนเปดตัวโครงการใหม่นี้ 2568 เราจะทำแบบ Conservative เพื่อรอดูสถานการณ์ของตลาดก่อน ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา การแข่งขันค่อนข้างแข่งดุ ดังนั้น เราจึงเน้นขายสินค้าที่มีอยู่ก่อน เพื่อดึงสภาพคล่องกลับมาก่น อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ดีขึ้นเราก็มีความพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ทันที โดยปัจจุบันเรามีที่ดินสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในเมืองแล้วจำนวน 4 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ”นายอรรคเดช กล่าว
ส่วนงบประมาณลงทุนปี 2568 นี้ จะอยู่ที่ 2,595 ล้านบาท แบ่งเป็น งบสำหรับลงทุนซื้อที่ดินในจ.เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 500 ล้านบาท, งบรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ จำนวน 1,469 ล้านบาท และงบปรับปรุงการดำเนินงาน การก่อสร้าง ให้สอดรับต่อการดำเนินการด้าน ESG จำนวน 626 ล้านบาท
นายอรรคเดช กล่าวอีกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังสามารถขยายตัวต่อได้ ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มากขึ้น
สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand โรงเรียนสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ ประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย และขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 อาคาร ในเฟสที่ 2 โดยมีกำหนดเปิดทำการในเดือนกันยายน 2568 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-Year 6 ซึ่งจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การลงทุนโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand ในเฟส 1 และเฟส 2 ใช้งบลงทุนรวม 670 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากการลงทุนดังกล่าวที่ประมาณ 1-2% ของรายได้นวม แต่ในปี 2569 สัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม จากการตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักเรียนเป็น 300 คน (จากปีนี้ที่มีนักเรียน 77 คน) ซึ่งค่าเทอมจะอยู่ที่ 400,000-700,000 บาทต่อคนต่อปี (เฉลี่ย 500,000 บาทต่อปีต่อคน)
ที่มาข้อมูล : TNN Wealth
ที่มารูปภาพ : TNN Wealth