รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า โกลด์แมน แซ็กส์ (Goldman Sachs) หั่นคาดการณ์ราคาน้ำมันลงทั้งในสิ้นปีนี้ และปีหน้า จากความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอุปทานน้ำมันที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+)
โกลด์แมน แซ็กส์มองว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์ (Brent) และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) จะลดลงเล็กน้อยโดยมีราคาเฉลี่ยที่ 63 ดอลลาร์ และ 59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ในปี 2025 และจะลดลงต่อเหลือ 58 ดอลลาร์ และ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2026
ภายใต้แนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอท่ามกลางสงครามการค้าโลก โกลด์แมน แซ็กส์คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มเพียง 300,000 บาร์เรลต่อวัน ระหว่างสิ้นปี 2024 ถึงสิ้นปี 2025
สรุปข่าว
โกลด์แมน แซ็กส์ปรับลดประมาณการอุปสงค์ทั่วโลกในไตรมาสสี่ของปี 2026 ลงเหลือ 900,000 บาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ยกระดับขึ้น โดยรัฐบาลจีนเพิ่มกำแพงภาษีตอบโต้สหรัฐเป็น 125% ในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน 2025
โกลด์แมน แซ็กส์ประมาณการต่อไปว่า แม้อนาคตจะมีน้ำมันดิบคงคลังในตลาดอยู่แล้ว แต่ปริมาณน้ำมันส่วนเกินซึ่งมากถึง 800,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2025 และ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2026 จะยังคงกดดันให้ราคาน้ำมันลดลงต่อไป
หากเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หรือกลุ่มโอเปกพลัสยกเลิกการลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ คิดเป็น 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดเบรนต์จะลดอยู่ในกรอบ 40 ดอลลาร์ในปี 2026 และอาจลดลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์หากรวมสถานการณ์ทั้งสองเข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซ็กส์ยังปรับลดประมาณการอุปทานน้ำมันหินดินดาน (Shale Gas) ของสหรัฐ ในไตรมาส 4 ปี 2026 ลง 500,000 บาร์เรลต่อวันอีกด้วย