รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียประจำเดือนเม.ย. ของ ADB ระบุว่า ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยคือภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 39.5 ล้านคนในปี 2568 และ 41 ล้านคนในปี 2569 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการยกเว้นวีซ่า ความต้องการเดินทางที่สูงขึ้น การขยายเส้นทางและเที่ยวบิน อีกทั้งเศรษฐกิจยังได้แรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางบกและทางน้ำ
ในส่วนของการส่งออก คาดว่าจะเติบโตในระดับปานกลางตามการค้าโลกที่ขยายตัว ความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และการฟื้นตัวของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยสินค้าส่งออกหลักยังคงเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าเกษตร ซึ่งคาดว่าการส่งออกสินค้าเกษตรจะเติบโตได้ดีจากปริมาณน้ำที่เพียงพอและการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าบางชนิด เช่น ข้าว
สรุปข่าว
อย่างไรก็ตาม ADB มองว่าการบริโภคภาคเอกชนอาจชะลอตัวลงเนื่องจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการบรรเทาหนี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบบางส่วน นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่อาจปะทุขึ้นอีกครั้ง ถือเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตของการส่งออกของไทย
สำหรับแนวโน้มด้านอื่น ๆ ADB คาดการณ์ว่า การลงทุนภาคเอกชนจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของการส่งออกและการเร่งตัวของการลงทุนภาครัฐ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพต่อไป
ถึงแม้จะมีแนวโน้มเชิงบวก แต่ ADB ยังคงเตือนถึงความเสี่ยงด้านลบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าใหม่ของสหรัฐฯ ผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง และการฟื้นตัวของรายได้ที่ช้าในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในระยะยาว
ชาคร หนูคงใหม่