นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงที่สงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง สหรัฐขึ้นภาษี จีน แม็กซิโก แคนาดา ทำให้เกิดการชะลอการลงทุนทั่วโลก ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย จึงได้ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 จากเดิมเคยคาดไว้ร้อยละ 3.0 และมีแนวโน้มอาจปรับลดลงอีก หากมีประเทศไทย อยู่ในประกาศของภาษีตอบโต้สำหรับทุกประเทศในอัตราเดียวกับที่ประเทศนั้นเรียกเก็บจากสหรัฐ ในวันที่ 2 เมษายนนี้
โดยตอนนี้ไทยมีส่วนต่างภาษี เก็บภาษีสูงกว่าสหรัฐอยู่ราวร้อยละ 5 หากสหรัฐมีการปรับภาษีเพิ่มขึ้นมาให้เท่ากับที่ไทยเก็บ จะส่งผลกระทบต่อสินค้าของไทยในกลุ่ม สินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โซลาร์เซล ยางพารา เป็นต้น และจะทำให้การส่งออกลดลงเหลือแค่ร้อยละ 1 หรืออาจถึงขั้นติดลบ และส่งผลกระทบต่อ GDP ของไทยราว ร้อยละ 0.35-0.5 ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและประเภทสินค้าที่ถูกปรับขึ้นภาษี รวมถึงการชะลอแผนการลงทุนของต่างชาติในไทย การย้ายฐานการผลิต
สรุปข่าว
อีกปัจจัยเสี่ยงที่น่ากังวล คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่อาจไม่เป็นไปตามเป้า ด้วยนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง จากกระแสข่าวลบที่กังวลเรื่องความปลอดภัย จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหันไปเที่ยวประเทศอื่น รวมถึงเที่ยวในประเทศแทน โดยคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวน่าจะพลาดเป้าราว 2 ล้านคน หรืออยู่ที่ 35.5 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อ GDP ราวร้อยละ 0.2 ด้วย 2 ปัจจัยเสี่ยงข้างต้นจะส่งผลให้จีดีพีไทยปีนี้เติบโตได้เพียงร้อยละ 2.1 หรือต่ำกว่าปี 2567 ที่ขยายตัวได้ร้อยละ 2.5
ขณะที่นโยบายด้านการเงิน หากเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.8 คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.00 ตลอดทั้งปี แต่หากได้รับผลกระทบจาก 2 ปัจจัยเสี่ยงทั้งมาตรการภาษีสหรัฐ และยอดนักท่องเที่ยวไม่ถึงเป้า มีโอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1 - 2 ครั้ง ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.50-1.75

ณปภัช จันทร์อุดม