สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โนริฮิโกะ อิชิกุโระ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ดำเนินนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นและสร้างอุปสรรคต่อการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในสหรัฐ ซึ่งขัดแย้งกับเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการดึงดูดการลงทุนและฟื้นฟูภาคการผลิตของอเมริกา
ทั้งนี้ การขึ้นภาษีจะทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจในสหรัฐสูงขึ้น เนื่องจากราคาวัสดุและผลิตภัณฑ์จะแพงขึ้น นอกจากนี้นโยบายควบคุมการอพยพของทรัมป์ยังมีแนวโน้มทำให้ปัญหาขาดแคลนแรงงานรุนแรงขึ้น และส่งผลให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นอีกด้วย
สรุปข่าว
นอกจากนี้ แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะพยายามขอยกเว้นจากการเก็บภาษีที่สูงขึ้นของทรัมป์ แต่ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นก็เริ่มกระทบกับญี่ปุ่นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะมีการประกาศภาษีตอบโต้และภาษีนำเข้ารถยนต์ชุดใหม่ในวันที่ 2 เมษายน
ในการประชุมกับทรัมป์ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการลงทุนของญี่ปุ่นในสหรัฐเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนโดยตรงรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2566 มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นในสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 7.83 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวก็ยังไม่ช่วยให้ญี่ปุ่นได้รับการยกเว้นจากมาตรการภาษีของทรัมป์
ประธาน JETRO กล่าวว่า ต่างจากชาติยุโรปและจีน ญี่ปุ่นไม่น่าจะใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า เนื่องจากโตเกียวต้องพึ่งพาสหรัฐในด้านความมั่นคงเป็นหลัก แต่เขาปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษที่รัฐบาลญี่ปุ่นควรยื่นให้ทรัมป์เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดผลกระทบจากภาษี
ขณะที่สหรัฐหันมาใช้นโยบายปกป้องทางการค้า ญี่ปุ่นเองก็กำลังพยายามดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้เพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านล้านเยน หรือราว 6.71 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 จากที่อยู่ที่ 50.5 ล้านล้านเยนในปี 2566 ความก้าวหน้าดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการลงทุนของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ต่างชาติ เช่น Micron Technology Inc. ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินอุดหนุน
ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ที่มารูปภาพ : TNN