สื่อเว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า การบริโภคกาแฟทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านแก้วต่อวัน ขณะที่เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า ราคากาแฟ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ระดับ 4.30 ดอลลาร์ต่อน้ำหนัก 1 ปอนด์ เนื่องจากผู้ค้าตื่นตระหนกเกี่ยวกับการขาดแคลน จากการที่ บราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอาราบิกา รายใหญ่ที่สุดของโลก ประสบกับสภาพอากาศแล้งจัดและร้อนจัด หลังจากเจอกับภัยแล้งมายาวนานตั้งแต่ปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตลดลง
ส่วนเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ก็ประสบกับภัยแล้งครั้งใหญ่สุดในรอบ 70 ปี ในช่วงปีที่ผ่านมา และยังตามมาด้วยน้ำท่วมที่รุนแรง ส่งผลให้พืชผลเสียหาย ยิ่งทำให้ปริมาณผลผลิตกาแฟยิ่งลดลงไปอีก
โดยมีคาดการณ์ด้วยว่า ราคากาแฟจะยังคงพุ่งสูงขึ้นและทำลายสถิติใหม่ต่อเนื่อง และจะกระทบต่อราคาขายปลีกแน่นอน
สรุปข่าว
ด้าน ยาฮู ไฟแนนซ์ รายงานว่า กาแฟกำลังอยู่ใน พายุราคาที่สมบูรณ์แบบ หรือ perfect price storm และในที่สุด ก็เริ่มกระทบกับกระเป๋าสตางค์ของผู้บริโภค เพราะทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทั่วโลก บอกไว้ว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพิจารณาปรับขึ้นราคาปลายทาง
โดย แอนเดรีย อิลลี (Andrea Illy) ประธานของ อิลลี่ คัฟเฟ่ (illy caffè) กล่าวว่า กาแฟอยู่ในช่วงของราคาที่พุ่งสูง อันเนื่องมาจากปัญหาสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลต่อผลผลิตให้ลดต่ำลง
และเมื่อพูดถึงเรื่องการปรับราคา เขาบอกว่า คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการขึ้นราคา และขณะนี้ ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถอั้นไว้ได้นานแค่ไหน