
กัน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เตือนว่า การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ นั้น มีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก โดยการแสดงความเห็นต่อสาธารณะที่รุนแรงเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการค้า
ทั้งนี้ หลายประเทศในเอเชียต่างก็เฝ้ามองด้วยความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้กับ 3 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รวมทั้งแผนการที่เขาจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม"
อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศในเอเชียทั้งหมดจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีศุลกากรและสงครามการค้าอาจก่อให้เกิดภาวะชะงักงันครั้งใหญ่ห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งจะส่งผลให้การไหลเวียนด้านการค้าและการลงทุนชะลอตัวลงด้วย ซึ่งนั่นจะบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ"

สรุปข่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ได้ส่งสัญญาณถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วโลก โดยนายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ได้กล่าวคำว่า "โลกที่แตกเป็นกลุ่มและมีปัญหา" และ "สภาพแวดล้อมในต่างประเทศที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน" ในระหว่างการแถลงงบประมาณเมื่อเดือนที่แล้ว
นายกัน ได้แสดงมุมมองเชิงบวกต่อเอเชีย โดยเขาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเอเชียจะขยายตัวขึ้นจากปัจจุบันที่ประมาณ 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลก สู่ระดับประมาณ 60% ภายในปี 2573 โดยเขาระบุถึงประชากรในวัยหนุ่มสาวและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในประเทศต่าง ๆ รวมถึงอินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม พร้อมกับชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตและมีการเชื่อมต่อที่ดีทั้งทางกายภาพและดิจิทัล
นอกจากนี้ นายกันกล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เอเชียยังคงต้องเปิดกว้างสำหรับการค้า บุคลากรที่มีความสามารถ และการลงทุน โดยเขาสนับสนุนการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ผ่านความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA)
ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ที่มารูปภาพ : TNN