“โกลด์แมน แซคส์” ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบที่สูงเกินคาด ประกอบกับความต้องการที่ลดลงจากกิจกรรมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวและสงครามภาษีที่รุนแรงขึ้น น่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงขาลงต่อราคาน้ำมันในปี 2568-2569
สรุปข่าว
โดยราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเบรนต์มีแนวโน้มอยู่ที่ 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และ 73 ดอลลาร์ในปี 2569 ซึ่งกรอบราคาอยู่ระหว่าง 70-85 ดอลลาร์ ส่วนราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และ 68 ดอลลาร์ในปี 2569
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ฟิวเจอร์สลดลง 48 เซนต์ อยู่ที่ราว 71.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ (4 มี.ค.) และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับลดลง 28 เซนต์ อยู่แถว 68.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
“โกลด์แมน แซคส์” ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์อาจปรับลดลงอยู่แถว 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในสิ้นปี 2569 ท่ามกลางความเสี่ยงที่การผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 18 เดือน
ขณะที่มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตราร้อยละ 25 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันนี้ รวมถึงการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 20 ทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับ 3 คู่ค้ารายใหญ่
“โกลด์แมน แซคส์” ประเมินว่า มาตรการภาษีนำเข้าน้ำมันที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากแคนาดาและเม็กซิโก หรือมาตรการภาษีนำเข้าน้ำมันทั้งหมดของสหรัฐฯ ไม่น่าจะกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาน้ำมันดิบเบรนต์หรือเวสต์เท็กซัส
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงขาลงที่กระทบต่อความต้องการบริโภคน้ำมันราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น และความต้องการบริโภคของจีนที่ลดลง