
นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดร้อยละ 25 คาดว่า มีผลวันที่ 11-12 ก.พ. ว่า กลุ่มอุตฯเหล็ก อยู่ระหว่างจับตาผลกระทบจากนโยบาย นายโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบ ทางอ้อมจากบางประเทศที่เคยได้รับการยกเว้นภาษี แบบมีโควตา เช่น อาร์เจนตินา บราซิล เกาหลีใต้ ต้องหาตลาดใหม่ อาจมาที่ไทยได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นจึงอยากให้กระทรวงอุตฯ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทำงานร่วมกับเอกชนอย่างใกล้ชิดเกาะติดสถานการณ์กันมากยิ่งขึ้น เพื่อออกมาตรการได้ทันท่วงทีกับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมวิกฤติเดิมที่ประสบอยู่
สำหรับปัญหาใหญ่ตอนนี้ของอุตเหล็กไทย ยังเป็นเรื่องเหล็กราคาถูก และปริมาณของจีน แต่ต่อไปต้องจับตาบางประเทศที่ได้รับผล กระทบจากนโยบายทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กร้อบละ 25 เข้ามาซ้ำเติมอีกหรือไม่
จึงอยากให้ทั้งกระทรวงอุตฯ กระทรวงพาณิชย์ บีโอไอ ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตฯเหล็กในประเทศต่อเนื่องอยู่แล้ว ให้เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งเหล็กไทยยอมรับว่า ได้รับผลกระทบทางตรงตั้งแต่ทรัมป์ 1 แล้ว เมื่อถึงทรัมป์ 2 ตอนแรกดูว่า ผลกระทบจะเพิ่มเป็นร้อยละ 25 บวกร้อยละ 25 หรือไม่ แต่ล่าสุดดูแล้วยังอยู่ที่ร้อยละ 25 เท่าเดิม จึงมองว่า ผลกระทบทางตรงไม่มาก เพราะยอดการส่งออกเหล็กไทยไปสหรัฐไม่มาก เฉลี่ยปีละไม่เกิน 200,000 ตัน
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า สถานการณ์อุตฯเหล็ก ยังวิกฤติอยู่ เพราะอัตรากำลังผลิตมีเพียงร้อบละ 30 เท่านั้น ซึ่งได้รับผลกระทบตั้งแต่นโยบายทรัมป์ 1.0 ทำให้สินค้าจีนที่ผลิตปริมาณมากและราคาถูกเข้ามาแย่งตลาดในไทยและอาเซียนมากขึ้น
โดยจีนมีกำลังการผลิตเหล็กปีละ 1,100 ตัน ขณะที่โลกมีความต้องการใช้ปีละ 1,800 ตัน โดยสถานการณ์อุตฯเหล็กไทยในปัจจุบัน ไทยมีความต้องการใช้ 16 ล้าน 3 แสสตัน ผลิตได้ 6ล้าน 3 แสนตัน ส่งออก 1 ล้าน 4 แสนตัน นำเข้าสูงถึง 11.ล้าส 4 แสนตัน

สรุปข่าว