ปี 67 ความต้องการบริโภคทองคำพุ่งทำสถิติ

สภาทองคำโลก (WGC) ระบุในรายงานประจำปีว่า ความต้องการบริโภคทองคำทั่วโลกทำสถิติสูงสุดในปีที่แล้ว โดยปริมาณการซื้อทองคำอยู่ที่ 4,974 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 4,899 ตันในปี 2566 ซึ่งรวมถึงการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (OTC)

“ฟ่าน เช่าไค” หัวหน้าฝ่ายกิจการธนาคารกลางทั่วโลกของสภาทองคำโลก ระบุว่า ในปี 2567 ความต้องการบริโภคทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในแต่ละไตรมาส โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลพบว่า ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ยังคงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และซื้อรวมกันสูงกว่า 1,000 ตัน เป็นปีที่ 3 ติดต่อก่อน ขณะที่ธนาคารกลางโปแลนด์เป็นผู้ซื้อสุทธิมากสุดในบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก โดยซื้อตุนเข้าทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่ม 90 ตัน

ด้านธนาคารกลางตุรกีซื้อทองคำตุนเพิ่ม 75 ตัน มากเป็นอันดับ 2 ของธนาคารกลางทั้งหมด ตามด้วยธนาคารกลางอินเดียในอันดับ 3 ที่ซื้อทองคำทุกเดือน ยกเว้นเดือนธันวาคม

สำหรับการลงทุนทองคำโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปี อยู่ที่ 1,180 ตัน ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในกองทุน ETF ที่อิงกับทองคำ

ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นครอบคลุมทั้งทองแท่งและเหรียญทอง ซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการบริโภคในจีนและอินเดีย

รายงานชี้ว่า นักลงทุนจีนไม่มีสินทรัพย์ทางเลือกในการลงทุนมากนัก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดทุนและผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ทำให้นักลงทุนจีนหันมาซื้อทองคำมากขึ้น

สำหรับในอินเดีย ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลปรับลดภาษีนำเข้าทองคำเหลือร้อยละ 6 จากร้อยละ 15 เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ด้านการลงทุนทองคำในอาเซียนก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยที่เพิ่มขึ้นในระดับเลข 2 หลัก


สรุปข่าว

ความต้องการบริโภคทองคำทั่วโลกทำสถิติสูงสุดในปี 2567 แรงหนุนจากนักลงทุน-แบงก์ชาติแห่ซื้อ

ที่มาข้อมูล : CNBC

ที่มารูปภาพ : TNN