“อาซาฮี ชิมบุน” สื่อญี่ปุ่น อ้างแหล่งข่าวหลายรายระบุว่า “ฮอนด้า” และ “นิสสัน” บริษัทรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของญี่ปุ่น อาจล้มข้อตกลงควบรวมกิจการที่ประกาศไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งอาจกระทบ “นิสสัน” ให้เผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น
การประกาศควบรวมกิจการดังกล่าวจะทำให้ “ฮอนด้า-นิสสัน” ขยับขึ้นเป็นค่ายรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลกในแง่ยอดขาย รองจาก “โตโยต้า” และ “โฟล์คสวาเกน” นับเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหม่
แต่มีแนวโน้มว่า คณะกรรมการบริหารของ “ฮอนด้า” และ “นิสสัน” จะประชุมเกี่ยวกับการยกเลิกแผนควบรวมกิจการดังกล่าว หลังจากการเจรจาไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฝั่ง “ฮอนด้า” คาดหวัง
ทั้งนี้ “ฮอนด้า” มีมูลค่าตลาดราว 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า “นิสสัน” เกือบ 5 เท่า
ที่ผ่านมา “ฮอนด้า” ได้หารือกับ “นิสสัน” เกี่ยวกับการให้ “นิสสัน” เป็นบริษัทลูก ซึ่งเป็นแนวคิดที่ “นิสสัน” คัดค้านอย่างหนัก
ในขณะที่เมื่อเดือนธันวาคม ค่ายรถทั้ง 2 แห่งประกาศเป้าหมายจะตั้งบริษัทโฮลดิ้งภายในเดือนสิงหาคม ปี 2569 หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายถอนหุ้นออกจากตลาดหุ้น
ในระยะแรก บริษัททั้ง 2 แห่ง ระบุว่า มีแผนจะตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางของการควบรวมกิจการภายในสิ้นเดือนมกราคม แต่ต่อมามีการเลื่อนออกไปเป็นกลางเดือนกุมภาพันธ์
ด้าน “บลูมเบิร์ก” รายงานว่า “นิสสัน” วางแผนจัดประชุมคณะกรรมการบริหารในช่วงบ่ายวันนี้ (5 ก.พ.) ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ “ฮอนด้า” ในการซื้อหุ้นของ “นิสสัน” และทำให้กลายเป็นบริษัทลูก
ขณะที่โฆษกของ “นิสสัน” ระบุว่า การหารือระหว่าง 2 บริษัทยังคงดำเนินอยู่ และจะประกาศความคืบหน้าหลังจากได้ข้อสรุปเกี่ยวกับทิศทางธุรกิจในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
สรุปข่าว