ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของญี่ปุ่นเมื่อพิจารณาจากยอดขาย กำลังเจรจาเพื่อสร้างบริษัทมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่การขาดรถยนต์รุ่นไฮบริดในสหรัฐฯ และการแข่งขันจากคู่แข่งท้องถิ่นในจีน ส่งผลให้รายได้ของนิสสันลดลง
อย่างไรก็ตาม การเจรจาได้ล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นิสสันตกอยู่ในความไม่แน่นอน และเน้นย้ำถึงแรงกดดันต่อผู้ผลิตรถยนต์รุ่นเก๋ารายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนที่กำลังเข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรม โดยนิสสันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ ต่อสำนักข่าวรอยเตอร์
ด้านฮอนด้ากล่าวว่ารายงานดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ได้ประกาศไป ซึ่งที่ผ่านมา มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอนิสสัน แสดงความตั้งใจที่จะอยู่ต่อจนถึงปี 2026 แต่ขณะนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันให้ต้องลาออกจากตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจากสมาชิกคณะกรรมการและพันธมิตรฝรั่งเศส เรโนลต์ หลังจากความวุ่นวายด้านการขายและการบริหารจัดการหลายปีนี้ทำให้บริษัทอ่อนแอลง รอยเตอร์ได้รายงานเมื่อเดือนธันวาคมว่าเดือนต่อ ๆ ไปหลังจากนี้จะยิ่งมีความสำคัญต่ออนาคตของ อุชิดะและนิสสัน
สรุปข่าว
แหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์ว่าการเจรจาควบรวมกิจการกับฮอนด้าแผ่วลงในเวลามากกว่าหนึ่งเดือนเล็กน้อย เนื่องจากนิสสันยังมีความหยิ่งทะนงและตระหนักในสถานการณ์ของตัวเองไม่มากเพียงพอ และข้อเสนอของฮอนด้าที่จะทำให้นิสสันที่มีขนาดเล็กกว่ากลายมาเป็นบริษัทในเครือก็มีส่วนสำคัญ
ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานอีกว่า ฮอนด้ายินดีที่จะรื้อฟื้นการเจรจากับผู้นำของนิสสันซึ่งสามารถจัดการฝ่ายค้านภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โทชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอของฮอนด้ายืนยันว่าบริษัทของเขาไม่มีแผนที่จะเปิดการประมูลเพื่อเทคโอเวอร์นิสสันโดยไม่เป็นมิตร
ขณะนี้นิสสันกำลังดำเนินโครงการพลิกฟื้นธุรกิจ โดยมีแผนจะลดพนักงาน 9,000 คน และลดกำลังการผลิตทั่วโลกร้อยละ 20
ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานด้วยว่า คณะกรรมการบริหารของนิสสันได้เริ่มการหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับกำหนดเวลาการออกจากบริษัทของอุจิดะแล้ว
ที่มาข้อมูล : ไฟแนนเชียลไทมส์
ที่มารูปภาพ : -