
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยวูบหนัก ยอดปี 2567 ไม่ถึงเป้า ยอดขายในประเทศต่ำสุดในรอบ 14 ปี
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง และรายได้ยังต่ำ กำลังซื้อหดตัวลง ส่งผลให้ภาพรวมในปี 2567 มียอดผลิต 1,468,997 คัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 19.95 ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1.5 ล้านคัน
ทั้งนี้ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง มีจำนวน 558,440 คัน ลดลง ร้อยละ 13.53 โดยกลุ่มรถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine(ICE) มีจำนวน 349,934 คัน ลดลง ร้อยละ 28.66 ขณะที่รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 9,688 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5,807.32 รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 7,981 คัน ลดลง ร้อยละ 11.22 และรถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 190,837 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 30.58 ด้านรถกระบะขนาด 1 ตัน ผลิตได้ทั้งสิ้น 893,700 คัน ลดลง ร้อยละ 22.39
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 1,009,141 คัน เท่ากับร้อยละ 68.70 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 12.07 ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ผลิตได้ 459,856 คัน เท่ากับร้อยละ 31.30 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง ร้อยละ 33.09
ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศยังปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 14 ปี จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนสูง หนี้เสียรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลงโดย ทำให้แรงงานมีอำนาจซื้อลดลงรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 572,675 คัน ลดลงร้อยละ 26.18 จากปีก่อน
อย่างไรก็ตามการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ปรับลดลงจากปัจจัยการระมัดระวังในการใช้จ่ายจากความไม่แน่นอนในความขัดแย้งระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการแข่งขันจากการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน และรถยนต์ใช้น้ำมันจากหลายประเทศรวมทั้งพื้นที่ในเรือไม่เพียงพอและจำนวนเที่ยวเรือลดลง รวมไปถึงมาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้
ทั้งนี้ในปี 2567 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,019,213 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.80 ต่ำกว่าเป้าหมาย โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 699,162.47 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.89
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในปีนี้ทางส.อ.ท.ประมาณการการผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.5 ล้านคัน มากกว่าปี 2567 แยกเป็นผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคันและ และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 5 แสนคัน
โดยมีปัจจัยบวกระยะสั้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สูงมากนักอาจจะไม่กระทบมูลค่าการค้าโลกมากดังที่กังวลกันรวมถึงอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงและราคาน้ำมันอาจลดลงทำให้อำนาจซื้อของประเทศคู่ค้าสูงขึ้นส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น
นอกจากนี้ยังต้องติดตามการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้า(EV) ซึ่งค่ายรถยนต์ต้องทยอยผลิตในไทยเพื่อชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่าในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดปีนี้จะผลิตได้กว่า 1 แสนคัน จะยิ่งทำให้ตลาดรถยนต์มีการแข่งขันกันมากขึ้นในเรื่องราคาที่ใกล้เคียงกับรถยนต์สันดาป รวมถึงรถยนต์ประเภทไฮบริดที่มีราคาถูกลงมากเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมาเฉลี่ยราคา 7-8 แสนบาทก็สามารถซื้อได้ ทำให้ได้รับความสนใจต่อเนื่อง เพราะเป็นราคาที่จับต้องได้

สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : ส.อ.ท.
ที่มารูปภาพ : Flux , Freepik