สรุปข่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารใน ”ฮ่องกง“ กำลังกักตุนเงินสดและสภาพคล่องจนอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่ารัฐบาลจะเร่งรัดให้ปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดเล็กเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตามข้อมูลจากสำนักงานการเงินฮ่องกง ธนาคารขนาดใหญ่ในฮ่องกง เช่น HSBC และสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีอัตราส่วนสภาพคล่องรวมสูงถึง 180% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 67 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 100% เกือบ 2 เท่า ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 178.4% ในเดือนกันยายน
ทั้งนี้ รัฐบาลฮ่องกงร่วมกับธนาคารท้องถิ่นได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และประกาศว่าจะติดตามความเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าเงินทุนที่ปล่อยออกไปจะถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารต่างๆ อธิบายว่าการรักษาสภาพคล่องในระดับสูงเป็นมาตรการที่จำเป็น เนื่องจากเศรษฐกิจที่ซบเซา ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา และความต้องการสินเชื่อที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เบนจามิน ควินแลน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทที่ปรึกษา Quinlan & Associates กล่าวว่า ธุรกิจต่างๆ กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก โดยหลายแห่งกำลังดิ้นรนหาเงินทุนภาพรวมทางเศรษฐกิจของฮ่องกงไม่ค่อยดีนัก ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถือเป็นส่วนสำคัญของเมืองแห่งนี้ ทำให้ระดับการให้สินเชื่อคงที่มาตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา
ธนาคารทั้ง 16 แห่งได้ร่วมกันจัดสรรเงินจำนวนมหาศาลถึง 370,000 ล้านเหรียญฮ่องกง (หรือประมาณ 48,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 พบว่าวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยให้กับบริษัทขายส่งและขายปลีกในเมืองซึ่งเป็นตัวแทนของ SMEs นั้นมีมูลค่าน้อยกว่า 300,000 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขในปี 2557 ที่เคยสูงถึง 500,000 ล้านเหรียญฮ่องกงต่อไตรมาส
ที่มา บลูมเบิร์ก
ที่มาข้อมูล : -