

สรุปข่าว
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือ EEC เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด กพอ. เดือนมกราคม 2568 นี้ EEC จะรายงานความก้าวหน้าโครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน
และจะขอทบทวนมติบอร์ด กพอ.เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 กรณีเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกเสนอ ครม.รับทราบมติบอร์ด กพอ.เรื่องหลักการแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ก่อน หลังจากนั้น ส่งร่างสัญญาร่วมทุนฯ ให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ และกลับมาเสนอบอร์ด กพอ.เห็นชอบร่างสัญญาฯ ร่วมทุน และเสนอครม.อีกครั้ง เพื่ออนุมัติลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ จะขอเป็นเสนอ ครม.เห็นชอบเพียงครั้งเดียว หลังจากอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาเรียบร้อย และบอร์ด กพอ.เห็นชอบแล้ว
ดังนั้น ขั้นตอนหลังบอร์ด กพอ.ทบทวนมติขั้นตอนการเสนอ ครม.พิจารณาครั้งเดียวแล้ว ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเร่งไปหารือกับเอกชนเพื่อสรุปเรื่องสัญญา ซึ่งขณะนี้ไม่มีประเด็นสำคัญแล้ว เพราะเงื่อนไขการแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ ในหลักการได้ข้อยุติไปแล้ว เหลือเพียงเรื่องถ้อยคำ
จากนั้นจะส่งร่างสัญญาฯ ให้อัยการตรวจสอบ โดยคาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เรื่องจะกลับมาเสนอบอร์ด กพอ. เพื่อเห็นชอบร่างสัญญาฯ ในวาระประชุมเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และคาดว่าจะเสนอ ครม.ขออนุมัติได้ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 และลงนามแก้ไขสัญญาร่วมทุนฯ และจะออกหนังสือให้เริ่มงาน (Notice to Proceed: NTP) ทันที เพื่อเริ่มงานก่อสร้างให้เร็วที่สุด
นายจุฬา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มักมีคำถามว่าถ้าเอกชนไม่ทำโครงการแล้วทางออกจะเป็นอย่างไร โครงการนี้ เป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ดังนั้นการขับเคลื่อนรัฐกับเอกชนต้องไปด้วยกัน ซึ่งรัฐ โดย รฟท. ต้องเตรียมวงเงิน 120,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายคืนค่าก่อสร้างให้เอกชนภายใน 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 ดังนั้น หากเอกชนไม่ทำโครงการต่อด้วยเหตุผลใดก็ตาม รัฐก็มีเงินที่จะทำโครงการเองอยู่แล้ว
ที่มา TNN
ที่มาข้อมูล : -