สรุปข่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นสหรัฐ แทบไม่มีการส่งสัญญาณว่าจะชะลอตัวลงจนถึงสิ้นปี อย่างไรก็ตาม มูลค่าที่เพิ่มขึ้นและการเก็งกำไร ได้ก่อให้เกิดความกังวลว่าตลาดอาจปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในวันศุกร์ (6 ธ.ค.) ซึ่งทำสถิติปิดระดับสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 57 ของปี 2567 และเพิ่มขึ้นเกือบ 28% ในปีนี้
นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ความคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลง แลการคาดการณ์ในแง่บวกเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีและการยกเลิกกฎระเบียบภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์
ลักษณะที่โดดเด่น คือพลวัตที่แข็งแกร่งอย่าง โดยดัชนี S&P 500 อยู่ในระดับสูงสุดต่อเนื่องนานถึง 13 เดือน โดยไม่ร่วงต่ำลงมากกว่า 10% หรือมากกว่านั้น ซึ่งถือเป็นการครองระดับติดต่อกันนานที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยข้อมูลจาก BofA Global Research พบว่า ในอดีต การปรับตัวลง 10% เกิดขึ้นประมาณปีละครั้ง
นายไมเคิล ฮาร์ทเน็ตต์ จาก BofA เน้นย้ำว่า ดัชนี S&P 500กำลังซื้อขายอยู่ที่ 5.3 เท่าของราคาต่อมูลค่าทางบัญชี ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดในเดือนมี.ค. 2543 และเตือนว่าอาจเกิดการภาวะสูงเกินไป ในช่วงต้นปี 2568 เนื่องจากสัญญาณการเก็งกำไร รวมถึงการพุ่งขึ้นของ Bitcoin ที่เหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ในปัจจุบันดัชนี S&P 500 มีมูลค่าอยู่ที่ 22.6 เท่าของกำไรต่อหุ้นในสัญญาล่วงหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 15.77 เท่า เป็นอย่างมาก แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ BofA ก็ได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 6,666 สำหรับดัชนี S&P 500 ในปีหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นมากกว่า 9% จากระดับปัจจุบัน
ที่มา รอยเตอร์
ที่มาข้อมูล : -