

สรุปข่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะสูงถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 93% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2567 โดยมีแรงขับเคลื่อนจากสหรัฐอเมริกาและจีน
ในรายงาน Fiscal Monitor ซึ่งเป็นภาพรวมของการพัฒนาการเงินสาธารณะระดับโลก IMF คาดว่าหนี้จะสูงถึง 100% ของ GDP ภายในปี 2573 และยังเตือนว่ารัฐบาลต่างๆ จะต้องตัดสินใจที่ยากลำบากเพื่อรักษาเสถียรภาพของการกู้ยืม โดยพบว่าประเทศที่คาดว่าหนี้สินจะไม่คงที่นั้น มีหนี้อยู่มากกว่าครึ่งหนึ่งของหนี้ทั่วโลก และมี GDP ประมาณสองในสามของโลก
รายงานของ IMF ระบุว่า หนี้สาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา บราซิล ฝรั่งเศส อิตาลี แอฟริกาใต้ และสหราชอาณาจักร ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ ควบคุมหนี้สาธารณะ โดยกรอบแนวคิดหนี้เสี่ยง IMF พบว่าระดับหนี้ในอนาคตในสถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่งอาจสูงถึง 115% ของ GDP ใน 3 ปี สูงกว่าการคาดการณ์พื้นฐานเกือบ 20 จุดเปอร์เซ็นต์
รายงานระบุว่า "เนื่องจากระดับหนี้ที่สูงในปัจจุบันส่งผลให้ผลกระทบจากการเติบโตที่อ่อนแอกว่าหรือสภาวะการเงินที่เข้มงวดกว่า รวมถึงส่วนต่างที่สูงขึ้นต่อระดับหนี้ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น"
ทั้งนี้ มาตรวัดความเสี่ยงหนี้สาธารณะสำหรับเศรษฐกิจขั้นสูงได้ลดลงจากจุดสูงสุดในช่วงการระบาดใหญ่ และปัจจุบันคาดว่าอยู่ที่ 134% ของ GDP แต่สำหรับตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาได้เพิ่มขึ้นเป็น 88% แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเปิดทางให้รัฐบาลสามารถจัดการเรื่องการคลังให้เข้าที่เข้าทางได้ แต่ IMF กล่าวว่ายังไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งชี้ถึงความเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการดังกล่าว
ที่มา บลูมเบิร์ก
ที่มาข้อมูล : -