เกมล่าเหรียญ Jagat เมื่อความสนุกอาจพาติดคุก
ในช่วงต้นปี 2568 กระแสการ "ล่าเหรียญ" จากแอปพลิเคชัน Jagat กำลังสร้างปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในสังคมไทย โดยเฉพาะใน 5 พื้นที่หลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และพัทยา แต่สิ่งที่น่าวิตกคือ "ความสนุก" กำลังแปรเปลี่ยนเป็น "ความวุ่นวาย" ในหลายพื้นที่ จนทำให้หน่วยงานความมั่นคงต้องออกมาเตือนถึงผลกระทบที่อาจตามมา
"เงินง่ายๆ จากการเดินหาเหรียญ?" นี่คือสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หันมาสนใจ Jagat เพราะเหรียญแต่ละเหรียญมีมูลค่าตั้งแต่ 500 ไปจนถึง 200,000 บาท แต่น่าคิดว่า ทำไมบริษัทจากอินโดนีเซียถึงยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพียงเพื่อให้คนออกมา "เล่นเกม"? และทำไมถึงต้องเลือกซ่อนเหรียญในพื้นที่ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย?
ปัญหาที่กำลังปรากฏชัดคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ดังที่เห็นจากเหตุการณ์ที่ชายหาดกระทิงลาย พัทยา ที่ "นักล่าเหรียญ" รื้อค้นพื้นที่สาธารณะจนเละเทะ บางคนถึงขั้นออกตามหาเหรียญในยามวิกาล สร้างความหวาดระแวงให้กับชาวบ้านในพื้นที่ หรือกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลในเชียงใหม่ จนตำรวจต้องออกมาเตือนถึงโทษสูงสุดที่อาจต้อง "ติดคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท"
แต่อันตรายที่แฝงมากับ Jagat อาจไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ รอง ผกก.สายตรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ชี้ประเด็นสำคัญว่า แอปพลิเคชันนี้ "ไม่ได้จดทะเบียนในไทย" และมีการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงพิกัดตำแหน่งของผู้ใช้ คำถามคือ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างไร? และจะมีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาหาประโยชน์หรือไม่? ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-30 ปี ซึ่งอาจขาดวิจารณญาณในการระมัดระวังตัว
"ความเสี่ยง" ที่น่าคิดอีกประการคือ การที่ผู้เล่นต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นสมาชิกพรีเมียม เพื่อรับคำใบ้ในการหาเหรียญ ชวนให้นึกถึงรูปแบบของ "การพนันแบบแอบแฝง" ที่อาศัยความหวังในการได้เงินก้อนใหญ่มาล่อใจ ยิ่งเมื่อมีการแบ่งระดับมูลค่าของเหรียญเป็นทองแดง เงิน และทอง ที่มีมูลค่าสูงถึง 200,000 บาท ก็ยิ่งกระตุ้นให้ผู้เล่นเกิดความหวังและอยากลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รางวัล
ปรากฏการณ์นี้ยังแสดงให้เห็นถึงช่องว่างของกฎหมายในการควบคุมแอปพลิเคชันจากต่างประเทศ ที่สามารถเข้ามาดำเนินกิจกรรมในประเทศไทยได้โดยง่าย แม้จะไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไทยโดยที่ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามากำกับดูแลอย่างจริงจัง
เมื่อมองในมุมของความปลอดภัยสาธารณะ การที่มีคนจำนวนมากออกมาตามล่าเหรียญในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในยามวิกาล อาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุ หรือแฝงตัวเข้ามาในพื้นที่โดยอ้างว่ากำลังหาเหรียญ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมที่ซับซ้อนมากขึ้น
ประเด็นที่น่าพิจารณาอีกข้อคือ ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เมื่อนักล่าเหรียญเข้าไปรื้อค้นและสร้างความเสียหายในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาและภูเก็ต ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในระยะยาว
คำถามสำคัญที่สังคมควรถามคือ "เงินก้อนที่หวังจะได้" คุ้มกับ "ความเสี่ยง" ที่อาจต้องเผชิญหรือไม่? และที่สำคัญกว่านั้น เราควรจะปล่อยให้กิจกรรมแบบนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสมหรือไม่? หรือถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาวางกรอบการกำกับดูแลแอปพลิเคชันลักษณะนี้อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้ "ความสนุก" กลายเป็น "ภัยคุกคาม" ต่อสังคมในที่สุด
สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : หาเอง/ตัดต่อเอง
ที่มารูปภาพ : TNN เรียบเรียง