
นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง (สวพ.) เผยผลสำรวจความเสียหายของโบราณสถานเสาชิงช้าเบื้องต้นพบว่า ไม้เสาชิงช้าทั้ง 2 ฝั่งมีรอยแตก และรอยผุ บริเวณปลายยอดเสา เบื้องต้น แนวทางซ่อมแซมและปรับปรุง ต้องค้ำยันก่อนจ้างศึกษาวิธีซ่อม และจ้างซ่อม เพื่อให้เสาชิงช้ามีสภาพที่มั่นคงแข็งแรง ปลอดภัยต่อผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมชม และเพื่อความสวยงามให้อยู่คู่กับกรุงเทพมหานคร
เสาชิงช้า เป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียนตามประกาศราชกิจจานุเบกษา โดยกรมศิลปากร พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า เนื่องจากเสาชิงช้าอยู่ในสภาพชำรุดเสียหายค่อนข้างมาก ควรต้องได้รับการซ่อมแซมโดยเร่งด่วน ดังนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 จึงอนุญาตให้สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ดำเนินการซ่อมแชมโบราณสถานเสาชิงช้า
โดยขอให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ให้การซ่อมแชมไม้ส่วนที่ชำรุด ด้วยไม้ชนิดเดียวกับไม้เดิมตามสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง การต่อชิ้นไม้ด้วยโลหะหรือวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ไม้ ควรใช้ชนิดไร้สนิมที่มีการยืดหดขยายตัวของวัสดุต่ำ หรือยืดหดขยายตัวใกล้เคียงกับไม้ เพื่อลดการชำรุดของไม้บริเวณรอยต่อในอนาคต การเสริมกำลังหรือความมั่นคงด้วยวัสดุสมัยใหม่ ควรต้องมีการวิเคราะห์ปัญหา เชิงวิศวกรรมที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนก่อนกำหนดใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสริมความมั่นคงโดยไม่จำเป็น รวมถึงควรทำการวิเคราะห์วิธีการซ่อมแซมที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาเดิม

สรุปข่าว
ขณะที่ สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบพบความเสียหาย ไม้ที่บริเวณปลายบนของเสาใต้คาน โดยลักษณะความเสียหายประกอบด้วย การปริแตกของไม้ การกะเทาะ และรอยร้าวทำมุมเอียง โดยพบมากในบริเวณที่มีการต่อกันของท่อนไม้ ส่วนเนื้อไม้ด้านในพบมีลักษณะนุ่ม ชื้น และสามารถขูดลอกออกมาเป็นแผ่นได้ จึงเป็นความเสียหายต่อทั้งโครงสร้างและกำลังวัสดุโดยตรง ซึ่งถือได้ว่าเป็นความเสียหายในระดับสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อกำลังรับน้ำหนักโครงสร้างเสาชิงช้าได้
ความเสียหายคาดว่า เกิดจากอายุการใช้งานและการเสื่อมสภาพวัสดุ รวมทั้งโครงสร้างที่ตั้งอยู่กลางแจ้งมีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพตามสภาวะแวดล้อมที่มี แสงแดด การเปลี่ยนของอุณหภูมิ ความขึ้นสลับแห้ง นอกจากนี้สภาพโครงสร้างที่ต้องรับแรงลมที่สลับทิศไปมาย่อมมีโอกาลสร้างความเค้นที่สูง และการล้าซึ่งมีผลต่อการเสื่อมสภาพได้เช่นกัน
สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศ จึงมีข้อเสนอแนะควรทำการสำรวจในเชิงลึก จัดทำแผนผังรอยร้าวและความเสียหายอย่างเป็นระบบ แนะนำให้ทำการเสริมกำลังชิ้นส่วน หรือค้ำยันให้แก่โครงสร้างไว้ก่อนตามที่เห็นสมควร โดยควรเร่งดำเนินการก่อนจะมีพายุฤดูร้อน
สำหรับเสาชิงช้า มีการบูรณะครั้งใหญ่ไป เมื่อปี 2548 และครั้งล่าสุดที่ กรมศิลปากรร่วมกับ กทม. เข้าบูรณะเสาชิงช้าเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ใช้เวลาทั้งสิ้น 150 วัน ซึ่งเสาชิงช้าเป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ และเมื่อวันที่ 22 พฤสจิกายน 2492 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร

Tanvarut Naumpakdee
(Tanvarut)