
การประชุมคณะกรรมการประกันสังคมนวันนี้ ( 11 มี.ค.) ได้รับการจับตาเป็นพิเศษ เพราะมีวาระที่ผู้ประกันตนทั่วประเทศให้ความสนใจ คือ การพิจารณาปรับสูตรบำนาญชราภาพ ซึ่งเป็นการนำเข้าสู่การพิจารณาเป็นครั้งที่ 2 หลังการประชุมครั้งก่อนบอร์ดประกันสังคมฝั่งนายจ้างขอกลับไปพิจารณาทำความเข้าใจสูตร และ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกันตนกลุ่มอื่น
ขณะที่บรรยากาศโดยรอบสำนักงานประกันสังคม พบนางสาวรักชนก ศรีนอก และ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.พรรคประชาชน นำทีมพร้อมมวลชนเกาะติดผลประชุมบอร์ดประกันสังคม

สรุปข่าว
นอกจากนี้เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (we fair) กว่า 20 คน จากตัวแทนทั่วประเทศ เดินทางเข้ามายื่นข้อเสนอการปฏิรูประบบประกันสังคม มาตรา 33 มาตรา 39 และ มาตรา40 นำโดยนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายกลุ่มวีแฟร์ โดยกลุ่ม we fair ยื่นข้อเสนอรวม 5 ข้อ เพื่อให้เกิดการปฏิรูประบบประกันสังคม โดยเฉพาะการปรับสูตรบำนาญชราภาพให้เกิดความเป็นธรรม และ การปรับสิทธิประโยชนน์ให้ครอบคลุมผู้ประกันตนมากขึ้น
โดยเครือขายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (เครือข่าย We Fair) มีข้อเสนอ ประกอบด้วย
1. ปฏิรูปเกณฑคำนวณบำนาญชราภาพใหเป็นธรรม โดยปรับปรุงสูตรคำนวณให้เหมาะสม กับค่าครองชีพ รวมถึงพิจารณาการเพิ่มอัตราส่วนเงินสมทบของฝ่ายนายจ้างและภาครัฐ เพื่อใหเงินบำนาญชราภาพมีความมั่นคงและยั่งยืน
2. ปฏิรูประบบประกันสังคมพื้นฐานถ้วนหน้า เพื่อขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมประชากรในวัยทำงาน อายุ 18-60 ปี ทุกคน โดยรัฐเป็นผู้สมทบให้กับสำนักงานประกันสังคมซึ่งเป็นมาตรการสนับสนุนใหแรงงานทุกกลุมเขาสูระบบประกันสังคม ไมว่าจะเป็นแรงงานอิสระ แรงงานแพลตฟอร์ม แรงงานในเศรษฐกิจภาคนอกระบบ
3. ปฏิรูปโครงสร้างกลไกการบริหารให้เป็นอิสระ เพื่อการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลการปรับปรุงการบริหารเงินลงทุนให้โปรงไล่มีประสิทธิภาพ การเปิดเย้อมูลการดำเป็นฐานให้
4. ปฏิรูปสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนทุกมาตรา ทั้ง 7 กรณี ได้แก่ กรณีคลอดบุตร: เงินค่าคลอดและสิทธิวันลา กรณีสงเคราะห์บุตร: เงินอุดหนุนและขยายชวงอายุ กรณีเจ็บปวย: สิทธิการ รักษาและคาทันตกรรม กรณีทุพพลภาพ (พิการ): เงินทดแทนและการบริการกายอุปกรณ กรณีว่างงาน: เพิ่มเงินชดเชยและขยายช่วงเวลารับเงิน กรณีชราภาพ (เกษียณอายุ): เพิ่มเงินบำนาญและปรับโครงสร้างเงินสมทบ กรณีเสียชีวิต: ค่าทำศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัว สิทธิประโยชน์เหล่านี้ควรพิจารณาปรับเพิ่มให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยคำนึงถึงค่าครองชีพ การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน และความมั่นคงทางสังคมของผู้ประกันตน ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนควรมีมาตรฐานความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกัน
5. ปฏิรูประบบสิทธิสุขภาพประกันสังคม ให้มีมาตรฐานทัดเทียมเทียบเท่ากับระบบหลักประกันสุขภาพแหงชาติ ทั้งนี้ การบริการสาธารณสุขขันพื้นฐานควรดำเนินการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติ (สปสช.) ระบบเดียว เพื่อสรางความเทาเทียมทางสังคมและสร้างความเป็นสมานฉันท์ของคนทำงาน เนื่องจากสิทธิการรักษาพยาบาลไมควรให้คนกลุมหนึ่งได้รับจากระบบภาษี ในขณะที่คนอีกกลุ่มใช้การร่วมจ่ายของนายจ้างและลูกจ้าง ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนเลือกใช้สิทธิระบบ สปสช. ควรสามารถนำเงินสมทบมาใช้กับสิทธิประโยชน์บำนาญชราภาพได้

วุฒิพันธุ์ เปรมาสวัสดิ์