เปิดข้อสังเกต 5 ประเด็นต่อร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์

มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันได้แสดงความห่วงกังวลต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยนำเสนอประเด็นที่ควรพิจารณาทบทวน 5 ประการ

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ให้ความเห็นว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวควรมีการพิจารณารายละเอียดให้รัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องทางที่อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ รวมถึงการที่ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนอาจเข้าถึงแหล่งการพนันได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม

ประเด็นแรกที่มูลนิธิฯ มีข้อสังเกต คือ การกำหนดคำนิยาม "การพนันออนไลน์" ที่ครอบคลุมกว้าง โดยหมายถึง "การพนัน หรือการเล่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือการเล่นผ่านการสื่อสารระยะไกลด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์" ซึ่งอาจรวมถึงการพนันทุกประเภท ตั้งแต่หวย การทายผลกีฬา และเกมต่างๆ ทั้งที่เป็นพนันชัดเจนและไม่ชัดเจน

ในขณะที่ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้มีการเล่นพนันบางประเภท เช่น สล็อตแมชชีน บาคาร่า รูเลตต์ ในคาสิโนได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการยกเว้นข้อจำกัดเรื่องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งนายธนากรมีความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อสังคม


เปิดข้อสังเกต 5 ประเด็นต่อร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์

สรุปข่าว

มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันเตือนร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มีช่องโหว่ 5 ประเด็น หนึ่งคือนิยาม "พนันออนไลน์" หลวมเกินไป สองคือความคลุมเครือของจำนวนและขนาด สามคือการเปิดทางให้อดีตนักการเมืองเป็นซุปเปอร์บอร์ด สี่คือเปิดโอกาสให้ทำธุรกิจ Junket ที่เสี่ยงต่อการฟอกเงิน และห้าคือประเด็นขัดแย้งระหว่างกฤษฎีกากับรัฐบาล

ประเด็นที่สอง คือ ความไม่ชัดเจนของร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่กำหนดว่าสถานบันเทิงครบวงจรต้องประกอบด้วยกาสิโนร่วมกับอีก 4 กิจการ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนสถานที่ ขนาด และมาตรฐานของกิจการเหล่านั้น รวมถึงไม่มีการกำหนดกรอบเรื่องอัตราภาษี ค่าใบอนุญาต หรือค่าเข้ากาสิโนสำหรับคนไทยที่ชัดเจน โดยเปิดให้คณะกรรมการนโยบายและคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจ

ประเด็นที่สาม เกี่ยวกับคุณสมบัติของคณะกรรมการนโยบาย โดยร่างล่าสุดของ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ มาตรา 10 เปิดโอกาสให้อดีตนักการเมืองและผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรสามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการได้ หากพ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งนายธนากรเห็นว่าควรมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการกำหนดคุณสมบัติดังกล่าว

ประเด็นที่สี่ คือ มาตรา 71 ในร่าง พ.ร.บ.ที่ระบุว่า "ผู้รับใบอนุญาตอาจจัดให้มีการดำเนินธุรกิจอื่นที่เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าไปในกาสิโนได้" ซึ่งอาจหมายถึงธุรกิจ "Junket" หรือกิจการนายหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ารวมถึงด้านการเงิน โดยนายธนากรชี้ให้เห็นว่าในบางประเทศ โดยเฉพาะมาเก๊า ธุรกิจประเภทนี้มีประวัติเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน


นายธนากรยังกล่าวถึงการประกาศความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (THACCA) ของไทยกับนายลอเลนซ์ โฮ ซีอีโอของ Melco Resorts and Entertainment จากมาเก๊า ซึ่งเป็นบุตรชายของสแตนลีย์ โฮ อดีตผู้ประกอบการกาสิโนในมาเก๊าที่เคยถูกหน่วยงานในออสเตรเลียขึ้นบัญชีดำ

ประเด็นสุดท้าย คือความเห็นที่แตกต่างระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับรัฐบาลในสองประเด็น ได้แก่ มาตรา 81 เกี่ยวกับเงื่อนไขที่บุคคลสัญชาติไทยต้องมีเงินฝากไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทเพื่อเข้าเล่นพนันในกาสิโน และมาตรา 26 เกี่ยวกับการนำส่งรายได้เข้าคลังของสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำจากร่างเดิม

ทั้งนี้ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันหวังว่าข้อสังเกตเหล่านี้จะได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ร่างกฎหมายมีความรัดกุมและป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมไทย

ที่มาข้อมูล : TNN / มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน

ที่มารูปภาพ : TNN