
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการเสริมสร้างความเชื่อมั่นการใช้ยาจากสมุนไพรสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ เข้าร่วม ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพ
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน มีการใช้ยาในระบบสาธารณสุขของรัฐ ประมาณ 70,500 ล้านบาท เป็นยาแผนตะวันตก 69,000 ล้านบาท เป็นยาสมุนไพรเพียง 1,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นการใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประมาณ 400 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่มียาสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณภาพและมาตรฐาน กระทรวงสาธารณสุขจึงตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการสั่งใช้ยาสมุนไพรในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2568 และไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ในปี 2569 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วย ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ สนับสนุนการยกระดับภูมิปัญญาไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในประเทศ
“ผมขอให้บุคลากรทางการแพทย์ มีความเชื่อมั่นในยาสมุนไพร และเชิญชวนให้สั่งใช้ ในการรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาสมุนไพร 10 รายการ ใน 10 กลุ่มโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ยาไพล แก้ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ยาฟ้าทะลายโจรรักษาไข้หวัดและโควิด 19 ยาขมิ้นชันแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ยาเพชรสังฆาตช่วยเรื่องท้องผูกริดสีดวงทวาร ยาขิงบรรเทาอาการวิงเวียน ยามะระขี้นกแก้เบื่ออาหาร ยากล้วยบรรเทาอาการท้องเสีย ยาหอมเทพจิตช่วยเรื่องนอนไม่หลับ ยาพริกแก้อาการชาจากอัมพฤกษ์ อัมพาต และยาว่านหางจระเข้ ใช้ทาผิวหนัง แผล ผมจึงขอมอบนโยบายให้ทุกท่าน ช่วยกันผลักดัน การใช้ยาสมุนไพร ผมเชื่อว่า จะเป็นการสร้างรายได้ให้ประเทศ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้กับพืชสมุนไพรไทย” รมว.สาธารณสุข กล่าว

สรุปข่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอยกตัวอย่างรายการสมุนไพรทดแทนแผนยาปัจจุบัน 5 รายการหลัก 1.ครีมไพร ทดแทน อานาเจสิก บาร์ม 2.ยาประศระมะแว้ง ทดแทน ยาแก้ไอ เช่น จีจี ไซรับ 3.ขมิ้นชัน ธาตุอบเชย ทดแทน ยาขับลม เช่น เอ็มคาร์มิเนทิฟ 4.เพชรสังฆาต แทนยา เดฟลอน และ 5.มะขามแขก ใช้แทน ไบซาโคดิล ซึ่งรายการยา ที่ตนยกตัวอย่าง หมอสามารถเลิกใช้ยาแผนปัจจุบันได้เลย โดยถ้าช่วยส่งเสริม ตนก็จะมีรางวัล เป็นงบประมาณในการพัฒนาให้แต่ละพื้นที่รวมกว่า 60 ล้านบาท จะได้ช่วยกันส่งเสริมสมุนไพรไทยกันอย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุด ตนก็ช่วยผลักดันสมุนไพรไทย ไปเปิดตลาดตะวันออกกลาง โดยให้นำร่องนำยาดม ยาหม่อง ไปในช่วงพิธีฮัจย์ก่อน เพราะมีคนเดินทางไปร่วมนับล้านคน ส่วนปีถัดไป ก็ขอให้เพิ่มยาไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้จัดกิจกรรม เพื่อให้คณะแพทย์ของโรงพยาบาลทั่วประเทศ รู้ว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รับงบประมาณในส่วนการสนับสนุนจาก สปสช. จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ก็มีหน้าที่กระตุ้นผู้ประกอบการสมุนไพรไทย เพื่อให้ทราบว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องนี้ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข ได้เห็นถึงว่า มีการใช้งบประมาณในการซื้อยาแผนปัจจุบัน กว่า 69,000 ล้านบาท แต่สัดส่วนของยาไทย ที่ผ่านมา ไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข จะสนับสนุนสมุนไพรไทยอย่างเต็มที่ ด้วยการลดโปรมแกรมยาแผนปัจจุบันที่ใช้ใน 5 กลุ่ม โดยหากโรงพยาบาลไหนส่งเสริมสมุนไพรได้ดี ก็มีการตั้งรางวัลไว้ให้ 60 ล้านบาท รวมถึงขณะนี้ สปสช.ได้ประกาศยาไทย 106 รายการแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้ มีถึง 32 รายการ ที่ใช้แบบไม่อั้น หรือ ปลายเปิด ที่เหลือ 74 รายการเป็นปลายปิด
เมื่อถามว่า งบประมาณ 60 ล้านบาท ที่จะนำมาเป็นรางวัลให้กับผู้ที่ใช้สมุนไพร เป็นงบประมาณของอะไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นส่วนของ สปสช.เตรียมไว้แล้ว ถ้าใครลดยาแผนปัจจุบันใน 5 ดนได้เร็ว โรงพยาบาลนั้น ก็จะได้เงิน 200,000 บาท โดยถ้าช้าก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้ให้ทุกโรงพยาบาล
ที่มาข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
ที่มารูปภาพ : กระทรวงสาธารณสุข