สธ. รับมือสังคมสูงวัย พัฒนาศักยภาพบุคลากรดูแลสุขภาพผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและวิทยาการผู้สูงวัย มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่ อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ถึงความท้าทายของกระทรวงสาธารณสุขในการรับมือกับการที่ไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มขั้น
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการเกิดลดลง ขณะที่ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้นจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์ ส่งผลให้ผู้สูงอายุในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ร้อยละ 21 ของประชากรรวม หรือประมาณ 14 ล้านคน ถือว่าเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสุขภาพโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ที่พบในผู้สูงอายุไทย ประมาณ 7,500,000 คน แบ่งเป็นความดันโลหิตสูง 4,600,000 คน , เบาหวาน 2,100,000 คน , โรคหลอดเลือดสมอง 250,000 คน , โรคหัวใจและหลอดเลือด 190,000 คน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาและฟื้นฟูสูงมาก ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่นๆ เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก การเคลื่อนไหว อุปสรรคในการทำกิจวัตรประจำวัน และปัญหาด้านความคิด ความจำ ส่งผลกระทบต่อตัวผู้สูงอายุ ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจ
ทำให้ต้องการบุคลากรในการฟื้นฟูดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2573 มีความต้องการกำลังคนด้านสุขภาพผู้สูงอายุหรือแคร์เมเนเจอร์ ประมาณ 37,000 คน ซึ่งปัจจุบันยังขาดอีกกว่า 14,000 คน ดังนั้นจึงต้องเตรียมพร้อมพัฒนาศักยภาพและการผลิตกำลังคนด้านสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงวัยไทยได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพและเหมาะสม สามารถคงศักยภาพได้นานที่สุด และอยู่ได้ทุกที่อย่างมีความสุข
กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายเตรียมพร้อมรับมือ เช่น การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพกลุ่มวัยผู้สูงอายุ การสนับสนุนการเพิ่มคุณภาพประชากรวัยเด็ก การส่งเสริมกิจกรรมทางสังคม การส่งเสริมการสร้างอาชีพให้มีรายได้เพิ่ม การรณรงค์ให้เกิดการออม การปรับสภาพแวดล้อม และที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งหัวใจหลักในการขับเคลื่อน คือ “การบูรณาการทุกมิติ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของผู้สูงอายุ” เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือและดูแลตนเองได้ยาวนานที่สุด มีภาวะพึ่งพิงช้าที่สุด และสามารถอยู่ในที่ตั้งได้อย่างมีความสุข โดยอาศัยการขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผสมผสานกับภูมิปัญญาไทยที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยและตอบสนองกับความของการผู้สูงอายุ
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการประชุมวิชาการฯ ครั้งนี้ เพื่อร่วมกันเน้นย้ำจุดมุ่งหมาย ตลอดจนปูทางให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาองค์ความรู้และวิทยาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุให้กับบุคลากรทุกสาขาวิชาชีพ ชุมชน ครอบครัว และตัวผู้สูงอายุเอง ได้มีภูมิคุ้มกันในการก้าวสู่สังคมสูงอายุได้อย่างมีคุณภาพ
สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ที่มารูปภาพ : กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข