“ภูมิธรรม” เผยตัดไฟเมียนมากระทบทางเศรษฐกิจบ้าง แต่ยึดประโยชน์คนไทยเป็นสำคัญ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อนเดินทางไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากกรณีเมื่อวานที่ผ่านมาได้เริ่มมาตรการตัดไฟฟ้าตามแนวชายแดนเพื่อสกัดขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยระบุว่าเป็นการดำเนินการขั้นต้นเท่านั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลได้แบบ 100% แต่จากการติดตามสถานการณ์พบว่า ในฝั่งไทยไม่ได้มีปัญหา เพราะไม่ได้มีการตัดไฟในเขตไทย ทั้งนี้สิ่งที่กระทบอย่างแน่นอนคือเป็นเรื่องของเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไป

นายภูมิธรรม ยอมรับว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจชายแดนที่จะเกิดขึ้นบ้าง ได้มีการประเมินในเบื้องต้นไปแล้วก่อนที่จะคิดมาตรการตัดไฟฟ้า แต่ปัญหาเรื่องขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่กระทบกับคนทั้งประเทศเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า และไม่ได้กระทบเฉพาะคนไทย แต่กระทบกับทุกประเทศ เพราะแหล่งต้นทางอยู่ใกล้ประเทศไทย ดังนั้นการ ขายไฟให้ทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จึงถูกมองว่า เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้อาชญากรรมเหล่านี้เพิ่มขึ้น

“ภูมิธรรม” เผยตัดไฟเมียนมากระทบทางเศรษฐกิจบ้าง แต่ยึดประโยชน์คนไทยเป็นสำคัญ

สรุปข่าว

“ภูมิธรรม” เผยมาตรการตัดไฟเมียนมา กระทบทางเศรษฐกิจบ้าง แต่ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่กว่า ยึดประโยชน์คนไทยเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหา ดังนั้นการจะมีคำถามหรือคำวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ สามารถทำได้ แต่อย่าทำให้ประเด็นไขว้เขว เพราะการใช้มาตรการตัดไฟไปเพียงวันเดียวคงยังไม่เห็นผลมากนัก แต่จากการตรวจสอบเมื่อคืนนี้ไฟฟ้าที่ชเวโก๊กโก่ หรือส่วนที่เกี่ยวข้องในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านลดลงเหลือร้อยละ 40 ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า อาจจะถนอมไฟฟ้าไว้ใช้ให้นานขึ้น จึงยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ต้องติดตามและประเมินอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปจะติดตามว่าหลังใช้มาตรการเหล่านี้ไปแล้วคดีที่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์จะลดลงหรือไม่ และจะต้องประเมินร่วมกันกับอีกหลายประเทศ 

ส่วนกรณีที่ทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้แสวงหาการใช้ไฟฟ้าโดยซื้อจากประเทศลาว นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นสิทธิ์และเป็นอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน ไทยไม่มีสิทธิ์จะไปบอกว่าห้ามซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาว แต่ประเด็นสำคัญคือเราต้องจัดการในประเทศเรา ส่วนเพื่อนบ้านจะมีทางออกอื่นก็ต้องไปว่ากัน

หลังจากนี้ก็ต้องพูดคุยกับทางลาว เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยพูดคุยกันแล้วว่าจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา รวมทั้งจีนที่พร้อมจะซีลชายแดนเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียดร่วมกัน


นายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ได้กำชับให้กองกำลังชายแดน ทั้งทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ต้องรอดูผลอีกสักระยะ เพราะอาจจะมีความเป็นไปได้เรื่องของการลักลอบขนน้ำมัน แต่ก็จะพยายามปิดช่องว่าง เพื่อให้มาตรการต่างๆ มีประสิทธิภาพมากที่สุด

นายภูมิธรรม ย้ำว่า มาตรการนี้อาจจะต้องกระทบกับเศรษฐกิจบ้างแต่ก็จำเป็นต้องเลือก ส่วนที่ถูกมองว่าล่าช้า ยืนยันว่าไม่ได้ใช้อารมณ์ตัดสิน แต่มองในเรื่องผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งไทย เมียนมา และไทยจีน รวมทั้งคำนึงถึงความสำคัญด้านมนุษยธรรม โดยต้องมองในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคระบุว่า มาตรการตัดไฟในส่วนนี้จะทำให้รายได้หายไป 600 กว่าล้านบาท 

ดังนั้นไม่มีอะไรที่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ประเด็นสำคัญต้องคำนึงถึงเป้าหมายในเรื่องการรักษาประโยชน์ของประชาชนในประเทศ และไปหาทางแก้ในส่วนอื่นที่ได้รับผลกระทบ เพราะที่ผ่านมามีข้อร้องเรียนว่าประชาชนเดือดร้อนจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยที่รัฐไม่สามารถดำเนินการได้  แต่เมื่อตอนนี้รัฐได้ดำเนินการแล้ว ก็ต้องขอให้ความเป็นธรรมด้วย ไม่เช่นนั้นจะทำให้การแก้ปัญหายากลำบากขึ้น

 อย่างไรก็ตามจะต้องทำอย่างเต็มที่และถึงที่สุด โดยจะประเมินการทำงานไปด้วย แต่อย่าขอกรอบเวลามากนัก เพราะขณะนี้ได้ทำแล้วและจะทำต่อไปให้ดีที่สุด 

สำหรับกำหนดการของ นายภูมิธรรม และคณะจะเดินทางไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดตาก เพื่อประชุมติดตามและกำชับการปฏิบัติงาน การสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา 

จากนั้นนายภูมิธรรม เดินทางต่อเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่แนวชายแดนเพื่อดูปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติด และตรวจจุดพื้นที่ที่มีการตัดกระแสไฟฟ้าตามมติ ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 ตามพื้นที่แนวชายแดน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จำนวน 4 จุด โดยจุดที่ 1 บ้านกุใหม่ ท่าซุง อ.แม่สอด จุดที่ 2 บ้านห้วยม่วง จุดที่ 3 สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 และจุดที่ 4 บ้านวังผา อ.แม่ระมาด ก่อนจะเดินทางพบปะพร้อมให้โอวาทกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมบ้านห้วยหินฝน อ.แม่สอด

ที่มาข้อมูล : รัฐบาลไทย

ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย