อินเดียเคาะแล้ว! “เมืองอโยธาบ้านเกิดพระราม”เป็นของฮินดู
ศาลสูงสุดอินเดียตัดสินแล้ว“เมืองอโยธา”สถานที่ประสูติของ “พระราม” เป็นของชาวฮินดู พร้อมมอบพื้นที่ส่วนหนึ่งให้ชาวมุสลิมเพื่อสร้างมัสยิดเป็นการปลอบใจ
วันนี้ ( 9 พ.ย. 62 )คณะตุลาการศาลสูงสุดของอินเดียทั้ง 5 คน มีคำตัดสินเป็นเอกฉันท์ ให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ในเมือง อโยธยา เป็นของชาวฮินดู ในการวินิจฉัยครั้งสำคัญหลังจากมีความขัดแย้งมานานหลายสิบปีระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิม ที่ต่างอ้างเป็นเจ้าของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว โดยในคำตัดสินยังระบุให้มอบพื้นที่อีกแปลงหนึ่งสำหรับการก่อสร้างมัสยิดของชาวมุสลิม
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เคยเป็นที่ตั้งมัสยิด บา-บรี มาตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 16 หรือเมื่อราว 400 ปีก่อน แต่ชาวฮินดูเชื่อว่า ที่นี่เป็นสถานที่ประสูติของพระราม-อวตารปางหนึ่งของพระวิษณุ และต้องการสร้างวัดฮินดูขึ้นแทน จึงได้บุกเผาทำลายมัสยิดเมื่อปีพ.ศ. 2535 หรือเมื่อ 19 ปีก่อน ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดเหตุประท้วงจลาจล และการต่อสู้ระหว่างชาวฮินดูกับมุสลิมทั่วประเทศอินเดีย ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตราว 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
รัฐบาลอินเดียเกรงว่า ในการตัดสินวันนี้ อาจเกิดเหตุปะทะขึ้นอีก จึงได้ระดมกำลังทหารและตำรวจมากกว่า 5,000 นาย คุมเข้มความปลอดภัยในเมืองอโยธยา และมีการตรวจตราสอดส่องการใช้เนื้อหาในลักษณะยั่วยุปลุกปั่นในสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนั้น ตำรวจยังได้จับกุมประชาชนหลายร้อยคน ซึ่งอาจก่อความวุ่นวายขึ้นในเมืองเมื่อวานนี้ โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมที ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ หลังคำตัดสินของศาลออกมา
อย่างไรก็ตาม พรรคชาตินิยมฮินดู ของนายกโมทีเอง ได้หาเสียงเลือกตั้ง โดยชูคำสัญญาว่า จะสร้างวัดฮินดู ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ทับบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของมัสยิดบาบรี ด้านนักบวชฮินดูและสาวกรวมหลายพันคน เดินทางไปฟังคำตัดสินครั้งนี้
สำหรับเมืองอโยธยา อยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ทางภาคเหนือ เป็นเมืองที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มากกว่าร้อยละ 5 ของชาวมุสลิมทั้งหมด 200 ล้านคนในอินเดีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14 ของประชากรอินเดียทั้งประเทศ 1,300 ล้านคน