คนญี่ปุ่นนิยมใช้ AI ช่วยฝึกภาษา เพิ่มมากกว่า 80% ในปีนี้

ตามรายงานประจำปีเกี่ยวกับการเรียนภาษา (Language Report) ที่เผยแพร่โดยแอปพลิเคชันเรียนภาษา Duolingo ในต้นเดือนนี้ พบว่า 10.9% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการศึกษาภาษาใหม่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6% ในปีที่แล้ว

แอปพลิเคชันมือถือเป็นวิธีการเรียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 58% ใช้แอปในการเรียน ตามมาด้วยบริการสตรีมวิดีโอ เช่น YouTube และ Netflix (37%) หนังสือเรียน (35.6%) และบทเรียนออนไลน์ (15.6%) ขณะที่เพียง 13.8% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขากำลังเรียนภาษาผ่านชั้นเรียนแบบตัวต่อตัว โดยรวมแล้ว เครื่องมือ AI ได้รับความนิยมมากกว่าชั้นเรียนแบบตัวต่อตัวหรือโปรแกรมภาษาทางวิทยุในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี

การสำรวจออนไลน์ ซึ่งมีผู้ตอบ 4,700 คนที่เป็นเจ้าของภาษาญี่ปุ่นจากทั่วประเทศ ยังแสดงให้เห็นว่า ความคุ้นเคยกับการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการเรียนภาษานั้นสูงขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ โดยหนึ่งในสี่ของผู้ตอบในช่วงวัยรุ่นกล่าวว่าเคยใช้เครื่องมือดังกล่าวมาแล้ว ขณะที่ในกลุ่มคนที่มีอายุในช่วง 20 ปี มีสัดส่วนอยู่ที่ 15% แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด

เหตุผลที่ผู้คนชื่นชอบการใช้ AI มากที่สุดคือความอิสระที่เพิ่มขึ้นในกระบวนการเรียนรู้ ทำให้สามารถถามคำถามได้ง่ายขึ้น และเครื่องมือเหล่านี้สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าไม่อายเท่ากับการต้องพูดคุยกับคนในชีวิตจริง

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบบางรายได้ยกข้อกังวลเกี่ยวกับการเรียนภาษาผ่าน AI เช่น การขาดการโต้ตอบที่น่าสนใจ ความแบนของการตอบกลับ และความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความถูกต้องของเนื้อหาที่ได้รับ

รายงานการเรียนภาษาทั่วโลกประจำปี 2024 ของ Duolingo พบว่าผู้คนในญี่ปุ่นมีความกระตือรือร้นในการศึกษาภาษามากที่สุด โดยติดอันดับหนึ่งในโลกในด้านเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเรียนภาษา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอันดับสองในปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ภาษาญี่ปุ่นก็เป็นภาษาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ห้าในการเรียนผ่านแอป Duolingo ทั่วโลก แม้ว่าภาษาอังกฤษจะยังคงเป็นภาษาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการเรียนในญี่ปุ่น แต่การเพิ่มขึ้นของความนิยมในภาษาเกาหลีเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ ในกลุ่มผู้ที่เรียนภาษาในช่วงวัยรุ่นและช่วงอายุ 20 ปี พบว่าเกือบ 30% กำลังศึกษาภาษาเกาหลี โดยสิ่งนี้น่าจะมาจากความนิยมของ K-pop ซีรีส์เกาหลี และวัฒนธรรมเกาหลีโดยทั่วไป โดยมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ต้องการเรียนรู้ภาษาเกาหลีเพื่อที่จะเข้าใจเนื้อเพลงของศิลปินและคนดังที่พวกเขาสนับสนุน