นิสสัน-ฮอนด้า จ่อควบรวมกิจการ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ข่าวใหญ่ของวงการยานยนต์วันนี้ คงหนีไม่พ้น 'นิสสัน มอเตอร์' และ 'ฮอนด้า มอเตอร์' 2 ผู้นำด้านยานยนต์แห่งญี่ปุ่นที่มีการเจรจาร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะเดินหน้าสู่การ 'ควบรวมกิจการ'  หลังประเมินว่า การผนึกกำลังจะมีผลดีต่อการแข่งขันกับเทสลา และบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้มากขึ้น หลังจากที่การแข่งขันในวงการนี้ดุเดือดอย่างมากในช่วงขวบปีที่ผ่านมา

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า ฮอนด้าและนิสสันกำลังพิจารณาที่จะดำเนินกิจการภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง (บริษัทที่มีรายได้จากการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก)  และคาดว่าจะลงนามบันทึกข้อตกลงเร็ว ๆ นี้ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะพิจารณากันภายหลัง ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของไต้หวันอย่าง Foxconn ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Hon Hai Precision Industry ได้ติดต่อนิสสัน เพื่อขอซื้อหุ้นเพิ่ม 

รายงานข่าวดังกล่าว ทำให้หุ้นของนิสสันพุ่งสูงขึ้น 24% ทันที ซึ่งนับว่าสูงที่สุดที่เคยขึ้นในหนึ่งวัน แต่หุ้นของฮอนด้าร่วงลงทันที 2% ขณะที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนิสสัน ราคาหุ้นพุ่ง 13% 

ฮอนด้าและนิสสันถูกจัดเป็นเบอร์ 2 และ เบอร์ 3 ตามหลังโตโยต้า ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 2 บริษัทเคยตกลงกันไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่จะขยายการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างไรก็ตาม ฮอนด้าและนิสสัน ยังไม่ได้ยืนยันในกระแสข่าวเรื่องการควบรวมกิจการนี้ โดยชี้ว่าหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะรีบแจ้งให้ทราบ

ความร้อนแรงของตลาดยานยนต์ โดยเฉพาะในส่วนรถยนต์ไฟฟ้า กำลังเผชิญการแข่งขันอย่างหนักหน่วง หลังจากที่คู่แข่งจากจีนอย่าง BYD รุกตลาด และหั่นราคาแบบไม่มียั้ง เรื่องนี้เป็นผลให้โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ประกาศปิดโรงงานในเยอรมนีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว นิสสันได้ประกาศลดคนงาน 9,000 ตำแหน่ง พร้อมปรับลดคาดการณ์ยอดขาย และประกาศจะลดกำลังการผลิตทั่วโลกลงถึง 20% 

“นี่เป็นสถานการณ์ที่วิกฤตอย่างยิ่ง” มาโกโตะ อุชิดะ ซีอีโอนิสสันกล่าว และประกาศลดเงินเดือนตัวเองลงครึ่งหนึ่ง 

จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ที่มากที่สุดในโลกในปี 2023 โดยมีรถยนต์ EV เป็นดาวเด่น ในขณะที่บริษัทญี่ปุ่นตกเป็นผู้ตาม เพราะยังคงโฟกัสที่การผลิตรถยนต์ไฮบริด

ฮอนด้าประกาศแผนการเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า จะลงทุนในรถยนต์ EV เป็น 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 ล้านบาท) ภายในปี 2030 นี้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 รถยนต์ไฟฟ้าจำหน่ายในญี่ปุ่นเพียง 1.7% เมื่อเทียบกับ 15% ที่จำหน่ายในยุโรปตะวันตก และราว 5.3% ในสหรัฐฯ