อัล-อัสซาดลี้ภัยไปมอสโก หลังกลุ่มกบฎตีกรุงดามัสกัสแตก

เว็บไซต์ ไฟลต์เรดาร์ รายงานว่า เครื่องบินทหารของรัสเซีย ขึ้นบินเดินทางออกจากเมืองลาตาเกียของซีเรียและบินมุ่งหน้าไปยังกรุงมอสโก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าใครอยู่บนเครื่องบินทหารของรัสเซียลำดังกล่าว โดยวันเดียวกันนี้  กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย  แถลงว่า  ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ลาออกและเดินทางออกนอกประเทศแล้วหลังจากสั่งการให้มีการส่งผ่านอำนาจโดยสันติ แต่ไม่ระบุแน่ชัดว่านายอัสซาดอยู่ที่ไหน 

  

ทั้งนี้ รัสเซียเข้าไปตั้งฐานทัพอากาศอยู่ที่เมืองลาตาเกีย เพื่อใช้เป็นฐานโจมตีทางอากาศเล่นงานกลุ่มกบฏซีเรียในอดีต

สื่อรัสเซียรายงานในเวลาต่อมา โดยอ้างแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเครมลิน ว่า นายบาชาร์ อัล-อัสซาด อดีตประธานาธิบดีของซีเรียและสมาชิกครอบครัว เดินทางถึงกรุงมอสโกและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยเข้าอยู่ในรัสเซีย  

ขณะที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า อดีตผู้นำซีเรีย เดินทางถึงกรุงมอสโกแล้ว  และ ว่า รัสเซียอนุมัติสถานะผู้ลี้ภัยให้กับนายอัสซาดและครอบครัว ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม

ขณะเดียวกัน ฝูงชนพากันเข้ารุมล้อมและต้อนรับนายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกองกำลังเอชทีเอส แกนนำกลุ่มกบฏซีเรียที่นำกำลังบุกโจมตีเข้ายึดเมืองต่างๆทั่วซีเรียได้ภายในเวลาไม่นาน  ขณะนายโกลานี เดินทางเข้าสู่มัสยิดกลาง  อุมายยัด  ของกรุงดามัสกัส หลังการล่มสลายของระบบการปกครองของนายบาชาร์ อัล-อัสซาด  ผู้นำของกลุ่มเอชทีเอส กล่าวภายในมัสยิดอูมายยัด  อธิบายชัยชนะของฝ่ายกบฏ คือจุดเปลี่ยนของภูมิภาค  กล่าวหานายอัสซาด ส่งมอบซีเรียให้กับความทะเยอทะยานของอิหร่าน เผยแพร่ระบอบการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและการทุจริต

ชาวซีเรียพากันเดินเข้าไปภายในทำเนียบประธานาธิบดี อัล-รอดา ในกรุงดามัสกัส เมื่อวานนี้ หลายคนเดินออกมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ หลังจากกลุ่มกบฏบุกเข้าถึงกรุงดามัสกัสและประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ลาออกและเดินทางออกนอกประเทศ อันเป็นการสิ้นสุดการปกครองแบบกำปั้นเหล็กของตระกูลอัสซาด และหลังจากสงครามกลางเมืองยาวนานกว่า13ปี หรือ ตั้งแต่ปี 2011 และยังมีภาพผู้คนเข้าไปยกเอาข้าวของและเฟอร์นิเจอร์ จากที่พำนักของนายอัสซาดในกรุงดามัสกัสด้วย

สถานการณ์การยกเค้าและปล้นสะดมในทำเนียบประธานาธิบดีและที่พำนักของนายอัสซาด  ทำให้กองกำลังฮายัต  ตาห์รีร์ อัล-ชาม หรือ เอชทีเอส ต้องส่งกองกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์และระบุด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

ก่อนหน้านี้ กลุ่มเอชทีเอส ประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานในกรุงดามัสกัส ตั้งแต่เวลา 16.00 น. และคาดว่าจะมีผลบังคับไปจนถึงเวลาเช้ามืด 05.00น.ตามวันเวลาท้องถิ่น