ประหารชีวิตเจ้าแม่อสังหาฯ เวียดนาม
เจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ของเวียดนามถูกผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิต จากความผิดฐานฉ้อโกงธนาคาร ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นครโฮจิมินห์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิต เจื่อง มี ลาน วัย 67 ปี ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หวัน ถิน ฟัต ในความผิดฐานยักยอกและฉ้อโกงเงินของธนาคาร ไซ่ง่อน จอยต์ สต็อก คอมเมอร์เชียล แบงก์หรือ SCB ที่เธอควบคุมผ่านตัวแทนหลายสิบคน มีมูลค่าความเสียหายถึง 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 430,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลเกือบๆ 3 % ของจีดีพีเวียดนามเมื่อปี 2565 และมากกว่าคดียักยอกเงินในกองทุนพัฒนามาเลเซีย หรือ 1MDB ที่มีมูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 161,280 ล้านบาท) ถือเป็นคดีฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเอเชีย
แม้ว่าศาลปฏิเสธคำยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลก็ระบุว่า โทษประหารของเจื่องอาจได้รับการลดหย่อนผ่อนปรนเป็นการจำคุกตลอดชีวิตได้ หากสามารถหาเงินมาจ่ายคืนได้ถึง 3 ใน 4 ของมูลค่าความเสียหาย ขณะที่ทนายความพยายามให้เหตุผลในการบรรเทาโทษแก่นางเจื่องหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการรับสารภาพความผิด มีความสำนึกผิด และได้จ่ายคืนความเสียหายไปแล้วบางส่วน แต่ศาลเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักพอ
เจื่องถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยศาลเห็นว่าการกระทำผิดของจำเลยส่งผลกระทบต่อการธนาคาร ก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคม และยังทำลายความไว้วางใจของประชาชน แต่ตามกฎหมายของเวียดนามนั้น ผู้ที่ได้รับโทษประหารชีวิตจะไม่ถูกลงโทษโดยทันที จำเลยยังมีโอกาสขยายเวลากระบวนการทางกฎหมาย และอาจจะขอให้ทบทวนการพิจารณาคดีใหม่ได้ หรืออาจจะขออภัยโทษต่อประธานาธิบดีเพื่อให้ลดหย่อนโทษได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากเจื่องสามารถคืนเงินได้อย่างน้อย 3 ใน 4 ของมูลค่าความเสีย ศาลก็อาจจะลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตได้เช่นกัน
เจืองเป็นหนึ่งในบุคคลระดับสูงที่ถูกจับกุมในการปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มงวดของเวียดนามหลังปี 2565 เป็นต้นมา คดีนี้มีมูลค่าความเสียหายมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเศรษฐกิจเวียดนามและสร้างความกังวลใจให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ
ข่าวแนะนำ