TNN Editor’s Pick: ‘ทำไมอเมริกายังไม่มีประธานาธิบดีหญิง หรือคนยังไม่พร้อม?’

TNN

World

Editor’s Pick: ‘ทำไมอเมริกายังไม่มีประธานาธิบดีหญิง หรือคนยังไม่พร้อม?’

Editor’s Pick: ‘ทำไมอเมริกายังไม่มีประธานาธิบดีหญิง หรือคนยังไม่พร้อม?’

หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ คามาลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้งและกำลังจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างแน่นอน เลยเกิดคำถามตามมาว่า เพราะอะไร สหรัฐฯ ถึงยังไม่เลือกผู้นำประเทศเป็นผู้หญิงสักที

◾️◾️◾️

🔴 ทรัมป์ชนะผู้นำหญิงมาแล้ว 2 คน


ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก เขาก็แข่งขันกับฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเธอก็พ่ายแพ้ไป มาคราวนี้เป็นคามาลา แฮร์ริส ซึ่งทรัมป์ก็ชนะอีกครั้ง ก็ยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำว่า อเมริกาอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการมีประธานาธิบดีหญิงคนแรกหรือเปล่า 


ขณะที่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี จนถึงปัจจุบัน มีผู้หญิง 3 คนลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสหรัฐฯ ได้แก่ ‘เจอรัลดีน เฟอร์ราโร’ จากพรรคเดโมแครตในปี 1984 ‘ซารา เพลิน’ จากพรรครีพับลิกันในปี 2008 และ ‘คามาลา แฮร์ริส’ จากพรรคเดโมแครตในปี 2020 แฮร์ริสเป็นผู้หญิงคนแรกและผู้หญิงผิวดำคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี


เว็บไซต์ centerforpolitics วิเคราะห์เรื่องนี้ไว้ 3 ประเด็นที่เป็นอุปสรรค คือ 1.ข้อเสียเปรียบเชิงโครงสร้างทางการเมือง 2.สื่อมวลชน และ 3.ความคิดเห็นและอคติของสาธารณชน


◾️◾️◾️

🔴 ข้อเสียเปรียบเชิงโครงสร้าง


แม้ว่าในสังคมอเมริกันมีผู้นำหญิงในองค์กรต่าง ๆ มากมาย หรือแม้แต่พรรคการเมืองก็มีเจ้าหน้าที่หรือนักการเมืองหญิงอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ผู้ชาย 2 ใน 3 มีโอกาสได้รับการสนับสนุนให้ลงสมัครทางการเมืองจากเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับเลือกตั้ง จากหัวหน้าพรรคการเมือง หรือนักเคลื่อนไหวมากกว่าผู้หญิง 


ผู้ชายจะมีอิทธิพลเหนือวงการ การเมืองอยู่แล้ว จึงมีข้อได้เปรียบจากการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และนักการเมืองหญิงเพิ่งมีจำนวนมากขึ้นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา


ระบบผู้ชนะกินรวบในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังจำกัดโอกาสของผู้สมัครในการเป็นผู้นำอีกด้วย


◾️◾️◾️

🔴 การนำเสนอข่าวทำให้เกิดการแบ่งแยกทางเพศ


การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประชาชนเกิดความคิดการแบ่งแยกเพศโดยไม่รู้ตัว หากมีผู้สมัครชิงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ที่เป็นผู้หญิง สื่อมวลชนมักเอ่ยถึงเรื่องเพศของเธอเป็นส่วนสำคัญ ด้วยการตอกย้ำว่าเธอเป็นผู้หญิง  เหมือนเป็นเรื่องแปลกที่มีผู้ชิงตำแหน่งเป็นผู้หญิง ขณะที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งชาย สื่อมวลชนก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงเรื่องเพศ 


นอกจากนี้การรายงานข่าวเกี่ยวกับแคนดิเดตหญิงยังทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองหญิงดูอ่อนแอ ขาดความเด็ดขาด และอ่อนไหวง่าย ขณะที่การวิเคราะห์รายงานข่าวเกี่ยวกับฮิลลารี คลินตัน บ่งชี้ว่า สื่อส่วนใหญ่มองว่าผู้สมัครหญิงหยาบคาย ดุ ไม่เป็นมิตร หรือน่ารำคาญ


◾️◾️◾️

🔴 ทัศนคติของคนอเมริกัน ประชาชนไม่พร้อมเลือกผู้หญิง


แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทัศนคติของคนอเมริกันต่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหญิง 


ผลสำรวจเมื่อปี 2018 พบว่าราว 57% บอกว่า เป็นเพราะประชาชนไม่พร้อมเลือกผู้หญิง ซึ่งสูงกว่าผู้หญิงที่คิดแบบนี้ในปี 2014 ที่ระดับ 41%


ส่วนผลสำรวจในปี 2019 ที่สอบถามเกี่ยวกับการเลือกแคนดิเดตหญิง ผู้ตอบแบบสอบถามที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต และผู้ที่ไม่สนับสนุนพรรคใดราว 74% เผยว่า รับได้ที่ผู้หญิงจะเป็นประธานาธิบดี แต่เชื่อว่าผู้สนับสนุนรีพับลิกันอาจยอมรับได้น้อยกว่า ซึ่งผลสำรวจพบว่าคนที่สนับสนุนรีพับลิกันยอมรับได้เพียง 33% เท่านั้น 


แม้ว่าการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจะแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่เพิ่มขึ้นของคนอเมริกันที่จะลงคะแนนให้ผู้หญิงเป็นประธานาธิบดี แต่ความเต็มใจดังกล่าวมีอยู่แพร่หลายในพรรคเดโมแครตมากกว่าพรรครีพับลิกัน


◾️◾️◾️

🔴 ฝังรากลึกตั้งแต่ผู้หญิงยังเลือกตั้งไม่ได้


ขณะที่คุณโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ระบุว่า เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อน ที่ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง มันฝังรากลึกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 


“ต้องมองย้อนกลับไปในอดีตมากกว่า 100 ปีที่แล้ว ผู้หญิงได้สิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ พอเวลาผ่านไปก็ทราบแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราควรเรียกร้องเพื่อสิทธิในการเลือกตั้ง และสิทธิพื้นฐานทุกประการสำหรับประชาชนทุกคน และนั่นคือสิ่งที่เรามุ่งมั่นที่จะทำให้สหรัฐอเมริกา เราเห็นว่าชาวอเมริกันคลั่งไคล้กับการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างไร และผมคิดว่าหากรองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้รับเลือกในครั้งนี้โดยชาวอเมริกัน นั่นก็เป็นสัญญาณบวกอย่างแน่นอนต่อผู้หญิง และผมคิดว่าต้องดูว่าชาวอเมริกันต้องการอะไร”


◾️◾️◾️

🔴 สตรีอเมริกันเพิ่งเลือกตั้งได้ในปี 1920


สตรีชาวอเมริกันไม่ได้มีสิทธิเลือกตั้งมาตั้งแต่แรก นับตั้งแต่สหรัฐฯ ปลดแอกจากอังกฤษในปี 1776 แต่เพิ่งได้รับสิทธิให้เลือกตั้งได้ในวันที่ 26 สิงหาคม 1920 


จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี 1848 ในตอนนั้นกลุ่มสตรีอเมริกันราว 300 คน ที่เมือง เซนาคา ฟอลส์ รัฐนิวยอร์ก รวมตัวกันเพื่อผลักดันการประกาศ Declaration of Sentiments เพื่อผลักดันสิทธิผู้หญิงให้เท่าเทียมกับผู้ชาย รวมถึงสิทธิในการเลือกตั้ง


อนุสัญญารับรองสิทธิผู้หญิงครั้งแรกจึงเกิดขึ้นในชื่อ  ‘The Seneca Falls Convention’ แต่ก็พวกเธอไม่ได้รับสิทธิเลือกตั้งในทันที 


◾️◾️◾️

🔴 ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางตัน


แม้ว่าเส้นทางสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีจะยาวนานและคดเคี้ยวสำหรับผู้สมัครหญิง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียกล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทางตัน เนื่องจากการต่อต้านทางวัฒนธรรมต่อผู้หญิงในทำเนียบขาวได้ลดน้อยลงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากผู้หญิงจำนวนมากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นและระดับรัฐ ตลอดจนที่นั่งในรัฐสภา


ผู้อำนวยการด้านการศึกษาด้านประธานาธิบดีที่ Miller Center of Public Affairs ของมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เผยว่า สักวันหนึ่งมันจะเกิดขึ้น แต่เธอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เว้นแต่ว่า ประธานาธิบดีที่มีรองประธานาธิบดีเป็นผู้หญิงจะเสียชีวิตในระหว่างดำรงตำแหน่ง หรือถูกขอให้ลาออก 

และผู้หญิงต้องหาบุคลิกที่ตรงกับความต้องการของผู้คนในตัวประธานาธิบดี ปัจจุบันอเมริกายังไม่มีต้นแบบสำหรับสิ่งนั้น เพราะยังไม่มีผู้หญิงคนใดได้เป็นประธานาธิบดี

————

เรียบเรียง: พิชญาภา สูตะบุตร

ภาพ: Reuters, Canva

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง