ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้อนาคตต่อไปของประเทศจีน คาดเดาได้ยากขึ้น
ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้อนาคตต่อไปของประเทศจีน คาดเดาได้ยากขึ้น เพราะสิ่งที่ตามมากับรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ก็คือสงครามการค้า 2.0 ภาคต่อจากเมื่อปี 2020
ช่วงไม่กี่ปีก่อนชัยชนะของทรัมป์ จีนเผชิญทั้งวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ หนี้สาธารณะที่พุ่งสูง อัตราว่างงานเพิ่ม การบริโภคในประเทศที่ลดลง จนกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจีนจึงพยายามอัดฉีดเงินมหาศาล ใช้มาตรการกระตุ้นหลายรูปแบบ เพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจ แต่แผนเหล่านั้น เข้าสู่น่านน้ำที่คาดการณ์ไม่ได้เสียแล้ว เพราะหากจำกันได้ การดำรงตำแหน่งสมัยแรกของทรัมป์ นำมาสู่การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 25%
นักวิเคราะห์ด้านจีน อย่าง บิล บิชอป จึงให้สัมภาษณ์บีบีซีว่า ครั้งนี้ที่ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีถึง 60% ที่บางสื่อใช้คำว่า “กำแพงภาษีสูงเฉียดฟ้า” จึงไม่ใช่คำขู่ลม ๆ แล้ง ๆ
และหากประธาธิบดีคนที่ 47 ทำตามคำขู่นั้นจริง มันจะส่งผลระยะยาวด้วย เพราะหลังทรัมป์พ้นตำแหน่งสมัยแรก รัฐบาลยุคไบเดน ก็ยังคงกำแพงภาษีกับจีนเอาไว้อยู่
🔴 มองอดีต คาดการณ์อนาคต
ก่อนที่ทรัมป์จะคว้าชัยชนะ จีนได้เริ่มระดมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ นับแต่เดือนกันยายน แต่นั่นไม่ได้ทำให้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจดีขึ้นเสียเท่านั้น ซ้ำร้าย ไอเอ็มเอฟ ลดคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลงไปอีก
อย่างของปี 2025 เดิม ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ไว้ราย ๆ 5% ตอนนี้ ปรับลดเหลือ 4.5%
มาตอนนี้ หากจีนเจอกำแพงภาษี “สูงเฉียดฟ้า” 60% จากทรัมป์ รวมถึงการยกเลิก “สถานะความสัมพันธ์ทางการค้าแบบปกติถาวร” ธนาคารการลงทุนแมคควอรี ประเมินว่า จะหั่นคาดการณ์เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจีนลงมาอีก 2%
🔴 Trump 2.0 พ่วง สงครามการค้า 2.0
ลาร์รี หู นักเศรษฐศาสตร์ของแมคควอรี ถึงกับใช้คำว่า “ยุคแห่งสงครามการค้า 2.0” ที่จะมากับทรัมป์สมัย 2 มันจะเป็นยุคที่โมเดลการเติบโตเศรษฐกิจของจีน ที่เน้นการส่งออกและภาคการผลิตเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก อาจถึงจุดที่ต้องหยุดชะงัก
แดเนียล รัสเซีย รองประธานด้านความมั่นคงระหว่างประเทศและการทูตของสถาบันนโยบายเอเชีย โซซายตี ยังเตือนถึงปัจจัยสำคัญที่ถอดบทเรียนมาจากทรัมป์ 1.0 นั่นคือ ช่วงแรกทรัมป์ดูจะยกย่องสี จิ้นผิง แล้วต่อมาก็ตั้งกำแพงภาษี 25% ทรัมป์สมัยสอง จึงคาดเดาและวางใจไม่ได้
ท่าทีของจีนหลังทรัมป์ชนะ จึงดูเป็นไปอย่างระมัดระวัง กระทรวงต่างประเทศจีนใช้คำว่า เคารพการตัดสินของชาวอเมริกา ส่วนประธานิบดี สี จิ้นผิง ใช้คำว่า จีนและสหรัฐฯ ต้องหาแนวทางเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้
🔴 วิกฤตมาพร้อมโอกาส
แต่นโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของทรัมป์ อาจนำมาซึ่งโอกาสยิ่งใหญ่ของจีนด้วย “ตง จ้าว” นักวิจัยของกองทุนคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ มองว่า สงครามการค้าระลอกใหม่ จะทำให้ภาพลักษณ์อเมริกาในสายตายุโรปบั่นทอนลง นั่นเปิดโอกาสให้จีนกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น
กลายเป็นว่า ห่วงโซ่อุปทานระหว่างจีนและยุโรป อาจไม่ได้สะบั้นหายไปเหมือนที่ทรัมป์คิด แต่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม ความเป็นพันธมิตรของอเมริกากับชาติตะวันตก ที่จะเลือนลง รวมถึงนาโตเอง ก็เปิดโอกาสให้จีนเดินเครื่องสร้างพันธมิตรโลกใหม่ได้อย่างจริงจังมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น กำแพงภาษีที่สูงลิ่วของทรัมป์ ก็มีราคาที่ต้องจ่าย และมันก็มาจากกระเป๋าเงินของชาวอเมริกันเอง ที่ต้องเจอกับสินค้าราคาแพงมากขึ้น โดยสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ คาดว่า หากทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีสูงมากจริง ๆ ชาวอเมริกันจะใช้จ่ายลดลง 46,000 ถึง 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
ดังนั้น สถานการณ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ 2.0 และสงครามการค้าภาคต่อ อาจเป็นดั่งที่กระทรวงต่างประเทศจีนเตือนไว้ก็ได้ว่า “ไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า”
ข่าวแนะนำ