TNN คามาลา แฮร์ริส คืนสู่สามัญ กับเส้นทางแห่งอนาคตที่อาจเลือกเดิน

TNN

World

คามาลา แฮร์ริส คืนสู่สามัญ กับเส้นทางแห่งอนาคตที่อาจเลือกเดิน

คามาลา แฮร์ริส คืนสู่สามัญ กับเส้นทางแห่งอนาคตที่อาจเลือกเดิน

คามาลา แฮร์ริส วัย 60 ปี กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะกลายมาเป็นพลเมืองปกติธรรมดาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เธอได้รับเลือกเป็นอัยการเขตที่นครซานฟรานซิสโกในปี 2003 เจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตระบุว่า พรรคยังต้องการให้แฮร์ริสมีบทบาทต่อ แต่พรรคก็ต้องรีบเดินหน้าออกจากยุคไบเดนให้เร็วที่สุดเช่นกัน อนาคตต่อจากนี้ แฮร์ริสจะดำเนินต่อไปอย่างไร เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ คาดการณ์ 6 แนวทางที่อาจเป็นไปได้สำหรับแฮร์ริส ดังนี้

  • อดทนและลงชิงต่อในปี 2028
แนวทางนี้อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตไม่ค่อยสนใจที่จะให้ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งได้กลับมาลงอีก เช่น กรณีของฮิลารี คลินตัน ซึ่งพ่ายแพ้ต่อทรัมป์ในปี 2016 ก็ถูกมองไปแล้วว่าเป็นผู้สมัครที่มีตำหนิ ขณะที่จอห์น แครี หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ก็กลับมาเป็นวุฒิสมาชิกและต่อมาได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ  
นอกจากนี้ ยังหาเหตุผลยากที่สมาชิกพรรคเดโมแครจจะสนับสนุนให้แฮร์ริสเป็นตัวแทนพรรคอีกหลังทรัมป์คว้าชัยชนะในส่วนของคณะผู้เลือกตั้งได้อย่างง่ายๆ และตัวแฮร์ริสเองได้เป็นตัวแทนพรรคอย่างกะทันหันโดยไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งขั้นต้น เพียงเพราะประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการลงชิงชัย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถตัดโอกาสแฮร์ริสออกไปในทันทีเช่นกัน เพราะแฮร์ริสเข้าถึงเครือยข่ายผู้บริจาครายใหญ่สุดของพรรค และหากการบริหารงานของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 มีปัญหาใหญ่ 
  • คืนสู่การเมืองในตำแหน่งที่เล็กลง
รัฐแคลิฟอร์เนียจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐในปี 2026 และสามารถลงแบบไม่สังกัดพรรคได้แต่แฮร์ริสต้องหาเสียงแข่งนักการเมืองของเดโมแครตคนอื่นๆที่กำลังลงชิงอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา เคยมีกรณีของริชาร์ด นิกสัน ที่แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1960 และสองปีต่อมา ก็ยังแพ้ในการลงเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอีก แต่หลังจากนั้นอีก 6 ปี นิกสันสามารถเอาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจนได้เข้าสู่ทำเนียบขาว
ส่วนโอกาสในการกลับมาลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิกนั้นค่อนข้างมีน้อบ เพราะแคลิฟอร์เนียยังมีสว.สองคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่และไม่มีวี่แววว่าจะถอนตัวในเร็วๆนี้
  • มุ่งสู่ภาคเอกชน
ผู้คนจำนวนมากในภาคธุรกิจทั้งในวอชิงตันและแคลิฟอร์เนีย อาจจะยินดีหากแฮร์ริสจะร่วมงานกับพวกเขาในบริษัทกฎหมายหรือบริษัทล็อบบี้ยิสต์ เพราะที่ผ่านมา บรรดานักการเมืองที่เกษียณอายุหรือสอบตกในการเลือกตั้ง แต่รู้จักคนในรัฐบาลและกลไกต่างๆมาก มักเนื้อหอมเมื่อออกจากการเมือง และถือเป็นอาขีพที่รายได้งดงามมาก แต่แฮร์ริสอาจไม่เลือกเส้นทางนี้หากเธอวางแผนจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีก
  • ผันตัวไปสู่ภาคประชาสังคมหรือสถาบันคลังสมอง
ในช่วงที่รัฐบาลเป็นของพรรครีพับลิกัน บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตหรือว่าที่ผู้สมัครของพรรค จะไปช่วยงานศูนย์เพื่อความก้าวหน้าของอเมริกา ที่ตั้งอยู่ในกรุงดีซี แต่องค์กรนี้อาจเล็กเกินไป หากแฮร์ริสยังต้องการลงชิงประธานาธิบดีอยู่  เว้นเสียแต่ว่า เธอจะตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาด้วยตัวเธอเอง แต่ก็ถือว่าเป็นงานที่หินเพราะต้องระดมทุนมาก ผู้บริจาคของพรรคเดโมแครตยังคงไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาอยู่
นอกจากนี้ ก่อนที่แฮร์ริสจะเข้าสู่เส้นทางของงานประชาสังคม เธอต้องตัดสินให้ได้ก่อนว่าเธอจะผลักดันเรื่องอะไร เพราะแคมเปญหาเสียงของเธอที่ผ่านมายังอิงกับการส่งเสริมนโยบายสืบเนื่องจากรัฐบาลไบเดน 
  • เขียนหนังสือ แฮร์ริสอาจมีเหล่าสำนักพิมพ์มาเสนอตัวรออยู่แล้วมากมาย เพื่อให้เธอถ่ายทอดรเองราวเบื้องหลังและประสบการณ์ในรัฐบาลไบเดนและการต่อสู้กับทรัมป์ ตอนฮิลารี คลินตันแพ้การเลือกตั้ง เธอเขียนหนังสือชื่อ “What Happened” หรือ “เกิดอะไรขึ้น”  ส่วนอัล กอร์ หันไปทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างภาพยนตร์สารคดีชื่อดังคือ  “An Inconvenient Truth”
  • หรือสุดท้ายคือการหันมาดูแลเยียวยาตัวเอง แฮร์ริสเคยพูดไว้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในเพนซิวาเนียว่า “ฉันอยากเพิ่มน้ำหนักเมื่อการเลือกตั้งจบลง ตอนนี้ฉันทำงานหนักจนเหลือแต่กระดูกแล้ว” แฮร์ริสอาจดำเนินรอยตามฮิลารีในเรื่องนี้ เพราะไม่กี่วันหลังพ่ายการเลือกตั้งให้แก่ทรัมป์ มีคนพบเห็นฮิลารีไปเดินป่าใกล้ๆบ้านในเมืองชัปปาคัวในนิวยอร์ก และสามีของเธอบิล คลินตัน โพสต์ภาพดังกล่าว จนมีการแชร์เป็นไวรัลกันทั่ว

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง