รู้จัก 7 รัฐสมรภูมิ ชี้ชะตาเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ขาดด้วยคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเล็กทอรัล คอลเลจ จึงทำให้คู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องพยายามหาเสียงกันอย่างหนักในรัฐที่เรียกว่า ‘รัฐสวิงสเตท’ หรือ รัฐสมรภูมิ (Battleground states) เนื่องจากเป็นรัฐที่คะแนนเสียงของทั้งสองผู้สมัครสามารถเปลี่ยนแปลงพลิกผันได้ตลอดเวลา ปีนี้มีรัฐไหนบ้างที่เป็นสวิง สเตท มาติดตามพร้อม ๆ กัน
รัฐสวิงสเตทเหล่านี้มีบทบาทอย่างมากในการกำหนดผลลัพธ์การเลือกตั้ง แต่ไม่มีการกำหนดตายตัวว่า สวิง สเตท คือรัฐใดบ้าง
ไม่มีคำนิยามชัดเจนสำหรับสวิงสเตท แต่หลักการที่ใช้ในการจำแนก คือ หากปี 2026 รัฐนั้นเลือกฮิลลารี - และในปี 2020 รัฐเดิมนั้น กลับเลือกทรัมป์ - นั่นหมายความว่า รัฐดังกล่าว เป็นรัฐสวิงสเตท ที่กลับไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 มีสวิง สเตทด้วยกัน 11 รัฐ ได้แก่ โคโลราโด ฟลอริดา ไอโอวา มิชิแกน เนวาดา นิวแฮมป์เชอร์ นอร์ท แคโรไลนา โอไฮโอ เพนซิลเวเนีย เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิน
ส่วน ปี 2020 มีอยู่ 11 รัฐ ที่ถูกจัดให้เป็นสวิงสเตท คือ แอริโซนา เท็กซัส มินเนสโซตา วิสคอนซิน มิชิแกน เพนซิลเวเนีย นิวแฮมป์เชียร์ นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย ฟลอริดา
แต่ในปี 2024 นี้ เหลือรัฐสวิงสเตท ที่จะเป็นรัฐชี้ชะตาการเลือกตั้งรวมทั้งหมด 7 รัฐ คือ แอริโซนา เนวาดา วิสคอนซิน มิชิแกน นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย และเพนซิลเวเนีย
ในเดือนพฤศจิกายน ชาวอเมริกันไม่ได้ลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีโดยตรง แต่พวกเขาเลือกคณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้จะประชุมกันในเดือนธันวาคมและลงคะแนนเลือกประธานาธิบดี ตามที่เสียงส่วนใหญ่ของรัฐตนได้เลือกในเดือนก่อนหน้านั้น จำนวนสมาชิกของคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร เช่น รัฐฟลอริดา ซึ่งมีประชากรมาก มีเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งจำนวน 29 เสียง ซึ่งเท่ากับรัฐนิวยอร์ก แต่น้อยกว่ารัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเท็กซัส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ชนะในรัฐ เช่น ฟลอริดา มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งมากกว่า ซึ่งผู้ชนะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อย 270 เสียง
เพนซิลเวเนีย
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 19
ผู้ชนะปี 2020: ไบเดน
ปีนี้ หนึ่งในรัฐสวิงสเตท ที่ถูกจับตามองมากที่สุด นั่นคือ เพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 19 คน ซึ่งมากที่สุดในบรรดาสวิงสเตททั้งหมดในปีนี้ ซึ่งไบเดน เป็นผูชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี แต่เป็นรัฐที่ทรัมป์รอดตายจากเหตุความพยายามลอบสังหารครั้งที่ 1 ในเมืองสแครนตัน บ้านเกิดของประธานาธิบดีไบเดนด้วย
ชาวเพนซิลเวเนีย ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก เนื่องจากค่าครองชีพพุ่ง เป็นผลจากเงินเฟ้อ - ซึ่งทำให้รีพับลิกันมองว่าเป็นความล้มเหลวของไบเดน ที่พยายามจะโยงมาที่แฮร์ริสด้วย
ซึ่งผลสำรวจความนิยม พบว่า ทรัมป์นำแฮร์ริสเพียง 1 จุดเท่านั้นในรัฐนี้ ที่ 49 ต่อ 48%
แอริโซนา
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 11
ผู้ชนะปี 2020: ไบเดน
แอริโซนา นับว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของรีพับลิกันมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 1976 เป็นต้นมา ตัวแทนรีพับลิกันคว้าชัยในรัฐนี้ เว้นเพียง 2 ครั้งคือ ปี 1996 และ 2020 คือสมัยของไบเดนเท่านั้น - นั่นหมายความว่า ตัวแทนรีพับลิกันไม่เคยได้เป็นประธานาธิบดีโดยไม่คว้าชัยในรัฐนี้เลยสักครั้ง
แน่นอนว่าพรมแดนที่ติดกับเม็กซิโก ทำให้ชาวเมืองให้ความสำคัญกับเรื่องผู้อพยพมาก และน่าจะกลายเป็นคะแนนให้กับทรัมป์ได้ไม่น้อย
จอร์เจีย
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 16
ผู้ชนะปี 2020: ไบเดน
เมื่อปี 2020 เป็นปีที่ไบเดนคว้าชัยไปได้อย่างฉิวเฉียด ด้วยคะแนนไม่ถึง 12,000 คะแนน และนับว่าเป็นชัยชนะของเดโมแครตในรัฐที่เคยแดงจัดแห่งนี้ครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1992 - อีกทั้งยังเป็นรัฐที่มีคดีความกับทรัมป์ เนื่องจากในปี 2020 ทรัมป์ได้โทรหาหัวหน้าหน่วยเลือกตั้งจอร์เจีย เพื่อให้หาคะแนนมาให้เขาให้ได้อีกเกือบ 12,000 คะแนน เพื่อหวังกลับผลการเลือกตั้ง
ชาวรัฐจอร์เจียกว่า 1 ใน 3 เป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน ซึ่งนับว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเดโมแครต
จึงประเมินกันว่า ทรัมป์ น่าจะสูญเสียเสียงที่รัฐนี้ไปไม่น้อย
มิชิแกน
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 15
ผู้ชนะปี 2020: ไบเดน
นี่คือรัฐที่มีสัดส่วนของชาวอาหรับ-อเมริกันมากที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งอาจสะท้อนว่า นโยบายด้านตะวันออกกลางของไบเดน อาจได้รับผลกระทบในเรื่องคะแนนเสียงอยู่ไม่น้อย
แต่ในขณะเดียวกัน ทรัมป์เองก็มีจุดยืนหนุนอิสราเอล .. แต่หลังจากที่แฮร์ริสขึ้นมาเป็นตัวแทนแทนที่ไบเดน พบว่าเธอมีจุดยืนหนุนการหยุดยิง และทางออกแบบ 2 รัฐมากกว่า จึงยังคงน่าติดตามว่า ชาวมิชิแกน จะน้ำเงิน หรือจะแดง มากกว่ากัน?
เนวาดา
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 6
ผู้ชนะปี 2020: ไบเดน
เรื่องเศรษฐกิจคือสิ่งที่ชาวเนวาดากังวลมากที่สุด ทั้งเรื่องราคาบ้าน และเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นผลพวงจากโรคระบาด อีกทั้งยังเป็นรัฐที่มีอัตราว่างงานสูงที่สุดในสหรัฐฯ คือ 5.5%
ทั้งสองพรรคการเมืองต่างพยายามเรียกคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อยู่ในวัยทำงาน ด้วยการประกาศย้ำเรื่องการหยุดเก็บภาษีทิป อีกทั้งแฮร์ริส ก็สัญญาว่าจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลางควบคู่ด้วย
พรรคเดโมแครตคว้าชัยในรัฐนี้ตลอด 4 ครั้งที่ผ่านมา
นอร์ท แคโรไลนา
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 16
ผู้ชนะปี 2020: ทรัมป์
เป็นรัฐที่แดงจัดมาตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา แต่บารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครต สามารถตีไข่แตกได้ ในศึกเลือกตั้ง คว้าชัยเหนือจอห์น แมคเคน เมื่อปี 2008 แต่หลังจากนั้น รัฐนอร์ท แคโรไลนา ก็กลายเป็นรัฐรีพับลิกันเสมอมา
ทรัมป์เลือกที่จะหาเสียงเอาท์ดอร์ที่รัฐนี้เป็นครั้งแรก หลังถูกพยายามลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม เขาจึงคาดหวังว่าจะได้คณะผู้เลือกตั้งทั้ง 16 เสียงจากรัฐนี้ไปให้ได้
แม้ทรัมป์จะชนะในรัฐนี้เมื่อปี 2020 แต่ก็ด้วยคะแนนห่างเพียง 70,000 กว่าคะแนนเท่านั้น ซึ่งผลสำรวจคะแนนนิยมยังพบว่า ทรัมป์และแฮร์ริสยังคงตีคู่สูสีมาก ๆ ในรัฐนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากพายุเฮอริเคนเฮลีน ที่ทำให้รัฐนอร์ท แคโรไลนา เสียหายอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนเริ่มไม่พอใจกับการทำงานของรัฐบาลปธน.ไบเดน - อีกทั้งทรัมป์ยังช่วยใส่ไฟด้วยการกล่าวถึงข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงซ้ำเติมกระแสความไม่พอใจไบเดนอีกหลายเรื่อง
วิสคอนซิน
จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง: 16
ผู้ชนะปี 2020: ไบเดน
รัฐวิสคอนซินเป็นฐานเสียงเดโมแครตมาตั้งแต่ปี 1988 โดยทรัมป์สามารถเอาชนะที่รัฐนี้ไปได้เมื่อปี 2016 ก่อนที่ไบเดนจะนำชัยชนะกลับมาให้เดโมแครตอีกครั้ง แต่ไบเดนชนะการเลือกตั้งรัฐวิสคอนซินไปเพียง 21,000 คะแนนเท่านั้น เมื่อปี 2020 ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกันมาก ทำให้เชื่อว่าการแข่งขันในปีนี้ก็จะสูสีอยู่ไม่น้อย
การที่การเลือกตั้ง 2 ครั้งหลัง กลับไปมาระหว่างรีพับลิกัน และเดโมแครต - สถานการณ์ปัจจุบันจึงบ่งชี้ว่า รัฐนี้ คือเป็นสมรภูมิที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างแท้จริง
แต่ด้วยความที่ทรัมป์ต้องการเสียงผู้เลือกตั้งรัฐนี้ ทำให้ทรัมป์เลือกจัดประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันที่เมืองมิลวอกี เมืองใหญ่สุดของรัฐ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ข่าวแนะนำ