"เกาะแมว" ของญี่ปุ่นกำลังหายไปเหตุจำนวนแมวลด
“เกาะแมว” ของญี่ปุ่นกำลังหายไปในอีกไม่กี่ปีข้าหงน้า เนื่องจากจำนวนประชากรแมวที่แก่ขึ้นและลดลง
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อมาถึงจังหวัด “เอฮิเมะ” ของญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางไป “เกาะอาโอชิมะ” หรือที่รู้กันว่ามันคือ “เกาะแมว” (Cat Island) เพราะบนเกาะแห่งนี้มีประชากรแมวอาศัยที่สามารถพบเห็นได้ทั่วเกาะมากว่า 200 ตัว แต่มันอาจไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะล่าสุด สื่อญี่ปุ่นพากันรายงานว่าแมวทั้งหมดที่อยู่บนเกาะกำลังจะหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลังจากเมื่อ 6 ปีก่อน สมาคมคุ้มครองแมวอาโอชิมะได้แนะนำให้มีการทำหมันแมวเพื่อควบคุมประชากรแมวที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับประชากร “คน” ที่อาศัยอยู่บนเกาะเพียง 15 - 20 คนเท่านั้น ซึ่งคนบนเกาะมีอายุเฉลี่ย 75 ปี ซึ่งกลายเป็นปัญหาว่าประชากรคนที่น้อยแต่อายุมากอาจไม่สามารถดูแลแมวนับร้อยพวกนี้ได้อย่างทั่วถึง
หนึ่งในผู้ดูแลแมวที่เรียกตัวเองว่า “แคทมาม่า” (Cat Mama) ออกมาเปิดเผยว่า เธอต้องดูแลพวกมันทุกวัน ซึ่งรวมถึงการเก็บอุจจาระตามถนนที่ทอดยาวเป็นกิโลเมตร และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจำนวนักท่องเที่ยวก็เริ่มลดลง เนื่องจากปัญหาการยกเลิกเดินทางด้วยเรือเฟอร์รีจากแผ่นดินใหญ่ที่ทำให้การเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้ยากขึ้น จนแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาให้อาหารพวกแมวมากเหมือนแต่ก่อน แคทมาม่าในวัย 73 ปี จึงต้องหาวิธีเก็บถนอมอาหารไว้ให้แมวนับร้อยตัวตลอดทั้งปีเพื่อที่ให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่หิว
สำหรับใครที่ยังอยากไปเที่ยวที่เกาะแมวแห่งนี้คงจะต้องรีบกันหน่อย เพราะทางการท้องถิ่นบนเกาะอาโอชิมะประเมินว่าในเวลาอีกเพียง 2-3 ปีข้างหน้า อาจจะไม่มีแมวบนเกาะอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากแมวแต่ละตัวเรื่มแก่ลงเรื่อย ๆ โดยทุกตัวล้วนมีอายุมากกว่า 7 ขวบแล้ว ร่วมกับไม่มีการขยายพันธุ์ต่อ เพราะการทำหมันเมื่อ 6 ปีก่อน จึงอาจทำให้ในที่สุดบนเกาะแห่งนี้จะไม่มีแมวเหลืออยู่อีกต่อไป
หากย้อนไปในปี 1960 บนเกาะแห่งนี้ เคยมีคนอาศัยอยู่ราว 655 คน แต่ในช่วงหลายทศวรรษหลังจากนั้น ผู้อยู่อาศัยได้ออกเดินทางกลับเข้าแผ่นดินใหญ่ ทําให้บนเกาะนี้เต็มไปด้วยแมวจรจัดที่ไม่มีบ้าน และจากการสำรวจในปีนี้ ก็พบว่าาจํานวนผู้อยู่อาศัยของทั้งคนและแมวลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งหลังจากสื่อญี่ปุ่นได้รายงานข่าวนี้ออกไป ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ หลายคนรู้สึกเสียใจที่อาจไม่มีเกาะแมวอีกแล้วในอนาคตแต่ก็เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี
ข่าวแนะนำ