สถานการณ์ล่าสุด 'สงครามอิสราเอล - ฮามาส' ยอดผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่ง 10,569 ราย
สรุปประเด็นสำคัญล่าสุด สถานการณ์สงคราม "อิสราเอล - กลุ่มฮามาส" ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาพุ่ง 10,569 ราย เป็นเด็ก 4,324 ราย
สรุปประเด็นสำคัญล่าสุด สถานการณ์สงคราม "อิสราเอล - กลุ่มฮามาส" ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาพุ่ง 10,569 ราย เป็นเด็ก 4,324 ราย
ความตึงเครียดตามแนวพรมแดนอิสราเอล-เลบานอนตึงเครียดมากขึ้น ในสงครามกาซาวันที่ 33 เมื่ออิสราเอลประจำการรถถังและทหารตามแนวพรมแดนภาคเหนือ ที่สามารถมองเห็นเลบานอนได้เมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน) โดยมีหลายเมืองและหลายชุมชนตามแนวพรมแดนภาคเหนือถูกอพยพ หลังจากกลุ่มหัวรุนแรงชีอะห์ ฮิซบอลเลาะห์ และกองทัพอิสราเอล ยิงโจมตีกันรายวันตั้งแต่กลุ่มหัวรุนแรงฮามาสปาเลสไตน์บุกโจมตีอิสราเอลวันที่ 7 ตุลาคม และอิสราอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศถล่มกาซาอย่างดุเดือด
ความขัดแย้งครั้งนี้ บีบให้ประชาชนทั้งในอิสราเอลและเลบานอน ทิ้งบ้านเรือนอพยพในความตึงเครียดที่เลวร้ายที่สุดจากความรุนแรงตามแนวพรมแดนอิสราเอล-เลบานอน ตั้งแต่สงครามระหว่างฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอล ในปี 2549
สรุปประเด็นสำคัญสถานการณ์สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสล่าสุด
-กองทัพอิสราเอล แถลงว่า เส้นทางอพยพเปิดอีกครั้งเป็นเวลา 4 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (8 พฤศจิกายน) เพื่อเปิดทางให้ประชาชนอพยพออกจากภาคเหนือไปยังภาคใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่มีการเปิดเส้นทางนี้ โดยอาวีเชย์ อัดราอี โฆษกภาษาอาหรับของกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือไอดีเอฟ กล่าวว่า นับจากเวลา 10.00 น.เช้าวานนี้ มีชาวปาเลสไตน์ 50,000 คน อพยพลงใต้ หลังกองทัพอิสราเอลเรียกร้องให้อพยพ
อัดราอี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X ก่อนหน้านี้ว่า "เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ใช้เวลาที่เหลือของวันนี้จนถึงบ่ายสองโมงเพื่อปกป้องตัวคุณเองและสมาชิกในครอบครัว"
-สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น แถลงว่า มีประชาชน 15,000 คน เดินทางผ่านเส้นทางนี้ในวันอังคาร(7 พฤศจิกายน) เมื่อเทียบกับ 5,000 คนในวันจันทร์(6 พฤศจิกายน) และ 2,000 คนในวันอาทิตย์(5 พฤศจิกายน) แต่ขณะที่หลายพันคนอพยพออกไป แต่เชื่อว่ามีอีกหลายหมื่นคนยังอยู่ในพื้นที่ โดยในวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของกลุ่มฮามาสในกาซา กล่าวว่า ประชาชน 600,000 คน ยังอยู่ในภาคเหนือ
เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ที่อิสราเอลได้แจ้งผู้คนในภาคเหนือของกาซาให้อพยพลงใต้ โดยบอกว่า มีความปลอดภัยกว่า แต่เจ้าหน้าที่ของฮามาส กล่าวว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ได้สังหารผู้คนมากกว่า 100 คนในภาคใต้ของกาซาในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
-ก่อนหน้านี้ กลุ่มประเทศร่ำรวย 7 ชาติ หรือ จี7 ซึ่งรวมทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ เรียกร้อง “ให้หยุดต่อสู้ในกาซาชั่วคราวเพื่อมนุษยธรรม” ขณะที่ตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น แต่ไม่ได้เรียกร้องให้หยุดยิงโดยตรง ซึ่งการหยุดต่อสู้ชั่วคราวไม่เหมือนกับการหยุดยิงที่อิสราเอลปฏิเสธ จนกว่ากลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลทั้งหมด
-ด้านหัวหน้าสำนักงานของยูเอ็นที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า มีเจ้าหน้าที่ 92 คน เสียชีวิตในกาซาพร้อมย้ำข้อเรียกร้องให้หยุดยิง
-ส่วนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนั้น ทีมจากสมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ หรือพีอาร์ซีเอส (PRCS) ได้ต้อนรับรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 81 คันจากกาชาดอียิปต์ที่จุดผ่านแดนราฟาห์ในวันอังคารที่ผ่านมา โดยรถบรรทุกได้นำอาหาร, น้ำดื่ม, ยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ เข้ากาซา ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีจำนวนรถบรรทุกความช่วยเหลือเข้ากาซาทั้งสิ้น 650 คันแล้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเชื้อเพลิงเข้าไปด้วย
ทั้งนี้ จุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเชื่อมต่อกาซากับอียิปต์ เป็นเส้นทางเดียวเท่านั้นในการเข้าและออกกาซาในปัจจุบันนี้
-ด้านกระทรวงสาธารณสุขที่ควบคุมโดยกลุ่มฮามาสในกาซา แถลงว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 10,569 คน ซึ่งรวมทั้งเด็กด้วย 4,324 คน ตั้งแต่อิสราเอลเริ่มตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับผู้เสียชีวิตในกาซาเพิ่มขึ้น 241 คน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขกาซา แต่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เชื่อว่า ตัวเลขดังกล่าวเชื่อถือได้
-ขณะเดียวกัน คณะกรรมการปกป้องสื่อมวลชน หรือซีพีเจ (CPJX) แถลงในวันพุธ(8 พฤศจิกายน) ว่า ขณะนี้มีนักข่าวอย่างน้อย 39 คนเสียชีวิตในสงครามอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งสงครามครั้งนี้ทำให้เกิด “เดือนที่อันตรายที่สุดสำหรับนักข่าว” นับตั้งแต่ซีพีเจได้เริ่มรวบรวมข้อมูลในปี 2535 โดยในจำนวนผู้เสียชีวิต ซีพีเจบอกว่า เป็นชาวปาเลสไตน์ 34 คน, อิสราเอล 4 คน และเลบานอน 1 คน นอกจากนี้ยังมีนักข่าว 8 คนได้รับบาดเจ็บ และ 3 คนสูญหาย
-ชาวปาเลสไตน์หลายพันคน พักอยู่ในเมืองเต็นท์ภาคใต้ของกาซา เนื่องจากการปิดพรมแดน ทำให้ประชาชนซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส ไม่มีที่จะไป โดยมีประชาชนเกือบ 2 ใน 3 ของ 2.3 ล้านคนในกาซากลายเป็นผู้พลัดถิ่น จากตัวเลขของยูเอ็น ซึ่งมีหลายพันคนต้องเข้าไปลี้ภัยที่โรงพยาบาลต่าง ๆ รวมทั้งที่พักผ้าใบชั่วคราวอยู่ในที่จอดรถของพวกเขา
ภาพจาก AFP