ประท้วงฝรั่งเศสเข้าคืนที่ 6 ครอบครัวผู้เสียชีวิต เรียกร้องยุติความรุนแรง
Editor’s Pick: ประท้วงฝรั่งเศสเข้าคืนที่ 6 ครอบครัวผู้เสียชีวิตเรียกร้องยุติความรุนแรง
ประท้วงในฝรั่งเศสยังบานปลาย
รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 45,000 นายเมื่อคืนวันอาทิตย์ (2 กรกฎาคม) เพื่อรับมือกับผู้ก่อเหตุจลาจล ที่ยังคงจุดไฟเผา ปล้นสะดมร้านค้า และพุ่งเป้าโจมตีไปยังหอประชุมของเมือง และสถานีตำรวจ ทั่วประเทศ
จุดที่มีการปะทะกันดุเดือดสุด คือ Marseille ที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจล และเกิดการปะทะกันบนถนนด้วย ขณะที่ กรุงปารีส เมืองริเวียรา และสตราสบูร์ก ก็มีความวุ่นวายไม่แพ้กัน
โดยในกรุงปารีส ในถนนย่านการค้าดังอย่าง ฌอง-เอลิเซ่ ก็มีการปะทะกันเป็นจุด ๆ ตลอดทั้งคืน อีกทั้งมีรายงานอาคารสาธารณะได้รับคามเสียหาย และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 5 นาย
ขณะที่ เมื่อเช้ามืดวันอาทิตย์ มีเหตุขับรถพุ่งชนและจุดไฟหวังเผาบ้านของ แวงซองต์ ฌ็องบรูน นายกเทศมนตรีเมืองเลย์-เลส์-โฮส ใกล้กรุงปารีส เหตุเกิดขณะนายกเทศมนตรียังทำงานติดตามสถานการณ์เหตุจลาจลอยู่ที่สำนักงาน และเกิดขึ้นขณะภรรยาและลูก ๆ วัย 5 และ 7 ปีของเขานอนหลับ
เมื่อรู้ถึงภัยอันตราย ฝ่ายภรรยาพยายามพาลูกหนีออกมา แต่ยังถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุจุดจรวดดอกไม้ไฟยิงไล่ตามหลัง จนภรรยาและลูกคนหนึ่งจากสองคนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกำลังสอบสวนหาผู้กระทำผิด
ช่วงสายวันเดียวกัน นายกเทศมนตรีฌ็องบรูน ได้ออกเดินพบปะประชาชนและตรวจสอบตลาดท้องถิ่นที่ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลทำลายด้วย โดยฌ็องบรูนได้รับการสนับสนุนและความเห็นใจจากชาวบ้านที่ผ่านไปมาระหว่างทาง
กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 719 คน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่มีพิธีศพของ “นาเอล เอ็ม” ชายวัย 17 ปีที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ซึ่งน้อยลงจาก 1,311 คน ในคืนวันศุกร์ และ 875 คนในคืนวันพฤหัสบดี ซึ่งอายุเฉลี่ยของคนราว 2,000 คนที่ถูกจับกุม คือ อายุ 17 ปี
เจ้าหน้าที่ระบุว่า สถานการณ์เหตุจลาจลในวันอาทิตย์ ดูจะอ่อนลงจากเมื่อวันเสาร์ แต่เจ้าหน้าที่ยังเตือนว่า เร็วเกินไปที่จะระบุว่า การประท้วงได้ยุติลงแล้ว แม้จะพบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นน้อยลง แต่ก็ยังเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประท้วงอยู่ ที่มักจะก่อเหตุรุนแรงหลังพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เตรียมหารือร่วมกับเหล่านายกเทศมนตรี 220 คน จากเมืองทั่วประเทศ หลังจากที่เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุจลาจลบุกเข้าไปภายในบ้านพักของ แวงซองต์ ฌ็องบรูน นายกเทศมนตรีเมือง เลย์-เล-โฮส ใกล้กรุงปารีส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงวัยรุ่นชายวัย 17 ปี เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การประท้วงขยายวงข้ามประเทศ
ขณะที่มีรายงานการประท้วงลามไปในประเทศอื่นในยุโรปแล้ว อย่างที่เมืองลอซานน์ ของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่พูดภาษาฝรั่งเศส มีรายงานการปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงที่ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่ม ทำให้มีการจับกุม 7 คน หลังมีเหตุจุดไฟเผาร้านค้าหลายแห่งในเมืองลอซานน์
ส่วนในกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม ก็มีรายงานผู้ถูกจับกุมกว่า 10 คน หลังมีการจุดไฟเผาบางแห่ง แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ครอบครัวผู้เสียชีวิตวอนยุติความรุนแรง
ขณะที่ยายของวัยรุ่นเหยื่อปืนตำรวจรายนี้ ได้ออกมาเรียกร้องให้การประท้วงยุติลงได้แล้ว หลังเกิดเป็นความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันอาทิตย์ (2 กรกฎาคม) “นาเดีย” ยายของนาเอล วัยรุ่น อายุ 17 ปี ที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต เพราะไม่หยุดรถให้ตรวจจากความผิดในคดีจราจร ที่เมืองนองแตร์ ย่านชุมชนรายได้น้อยและหลากหลายเชื้อชาติแถบชานเมืองกรุงปารีส นำมาซึ่งการก่อเหตุจลาจล ทำลายข้าวของ เผารถยนต์และอาคารสถานที่ รวมทั้งปล้นสะดมภ์ของฝูงชนที่ไม่พอใจการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจมาตั้งแต่คืนวันที่ 27 มิถุนายน ให้สัมภาษณ์สื่อฝรั่งเศสเรียกร้องความสงบและให้ยุติการก่อเหตุจลาจล
นาเดีย กล่าวด้วยว่า หลานชายได้เสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวผู้สูญเสียอยู่อย่างสิ้นหวัง จึงขอให้คนที่ใช้การเสียชีวิตของหลานชายเป็นข้ออ้างเพื่อก่อเหตุจลาจล ขอให้หยุด และควรหยุด เพราะครอบครัวต้องการความสงบ
ส่วนป้าของนาเอล ก็ขอให้ความรุนแรงยุติลง โดยชี้ว่า การตายของหลานเธอจะต้องกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเป็นไปอย่างสงบสุข
ในวันเดียวกัน บรรดาคุณแม่และเด็กๆ ออกมารวมตัวกันเดินขบวนบริเวณชานกรุงปารีส ของฝรั่งเศส เพื่อเรียกร้องให้ยุติเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งมีชนวนมาจากกรณีที่ตำรวจใช้อาวุธปืนยิงใส่วัยรุ่นอายุ 17 ปี จนเสียชีวิต โดยบรรดาผู้ที่เข้าร่วมการเดินขบวนได้แสดงข้อความเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมแก่เหยื่อที่เสียชีวิต รวมถึงเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น
แบบทดสอบครั้งใหม่ของ “มาครง”
เหตุจลาจลครั้งนี้ นับว่าเลวร้ายที่สุดสำหรับประธานาธิบดีมาครง นับตั้งแต่เหตุประท้วง “เสื้อกั๊กเหลือง” เมื่อช่วงปี 2018
โดยเมื่อกลางเดือนเมษายน มาครงให้เวลาตัวเขาเอง 100 วัน ในการนำความสมานฉันท์ และความมีเอกภาพ ในสังคมที่แตกแยกให้กลับคืนมา หลังจากที่เกิดการประท้วง และยกระดับกลายเป็นความรุนแรง กรณีที่เขาปฏิรูปการเกษียณอายุ
การประท้วงนี้ ยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของกรุงปารีสไม่น้อย ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 1 ปี ก่อนจะถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ด้าน มารีน เลอ เปน จากพรรค Rassemblement National ฝ่ายขวาจัด ที่เป็นคู่แข่งนายมาครงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ได้ออกมาวิจารณ์มาครงว่า มีความอ่อนแอต่อนโยบายผู้อพยพ
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง:
https://www.france24.com/en/europe/20230703-%F0%9F%94%B4-live-france-s-mayors-call-for-public-to-mobilise-against-riots
https://www.aljazeera.com/news/2023/7/2/slain-teenagers-grandmother-calls-for-end-to-riots-in-france
————
📲 อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt
ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
Youtube : https://bit.ly/TNNWorldTodayYouTube
TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/