"ผู้ติดเชื้อ HIV" ได้รับการรักษาจนหายเป็นคนที่ 3 ของโลก ด้วยวิธีนี้?
ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ ได้รับการรักษาจนหายเป็นคนที่ 3 ของโลก ด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ไขกระดูก
ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ที่ทำให้เป็นโรคเอดส์ ได้รับการรักษาจนหายเป็นคนที่ 3 ของโลก ด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ไขกระดูก
สถาบันปาสเตอร์ของฝรั่งเศส ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 ก.พ.) ว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) 1 ราย ได้รับการรักษาจนหาย ด้วยวิธีปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ของไขกระดูก นับเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รักษาหายด้วยวิธีนี้ เป็นรายที่ 3 ของโลก ทั้งนี้ เชื้อไวรัสเอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นโรคเอดส์
สถาบันปาสเตอร์ระบุว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้น่าจะหายขาดจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีแล้ว หลังจากได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกมานานกว่า 5 ปีแล้ว โดยได้รับจากผู้บริจาคที่มียีนกลายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่พบได้ยาก โดยยีนนี้สามารถต่อต้านการติดเชื้อเอชไอวีได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยรายนี้ยังได้หยุดยาต้านไวรัสมานาน 44 เดือนแล้ว และผลตรวจเชื้อไม่พบร่องรอยการติดเชื้อเอชไอวีในอดีต
ทั้งนี้ ผู้โชคดีรายล่าสุดนี้เป็นชาย ได้รับสเต็มเซลล์ของไขกระดูกเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวลูคีเมียในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ทำให้เขาได้ชื่อว่า "ผู้ป่วยดุสเซลดอร์ฟ"
ก่อนหน้านี้ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับการรักษาให้หายขาดด้วยวิธีปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นคนแรกของโลก เกิดขึ้นในปี 2007 ได้ชื่อว่า "ผู้ป่วยเบอร์ลิน" ส่วนรายที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2016 ได้ชื่อว่า "ผู้ป่วยลอนดอน"
ผลการศึกษาการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีจนหายดังกล่าวนี้ ได้ตีพิมพ์ในวารสาร เนเชอร์ เมดดิซีน (Nature Medicine) หนึ่งในคณะผู้ทำการศึกษาได้อธิบายรายละเอียดการรักษาว่า เซลล์ภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาจากผู้บริจาค ได้เข้าไปแทนที่ พร้อมกับทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีเชื้อเอชไอวีในตัวผู้ป่วย และทำให้สเต็มเซลล์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ที่เหลือรอดจากการถูกทำลายโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันจากผู้บริจาค ไม่สามารถทำให้เซลล์อื่นติดเชื้อเอชไอวีได้อีกต่อไป เนื่องจากเซลล์ภูมิคุ้มของผู้บริจาคสามารถต่อต้านเชื้อเอชไอวีได้ตามธรรมชาติ
การรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีหายเป็นรายที่ 3 นี้ นับเป็นความก้าวหน้าในความพยายามค้นหาวิธีรักษาเชื้อเอชไอวี โดยวิธีหนึ่งที่มีความหวังคือ การใช้ยีนกลายพันธุ์ที่สามารถต่อต้านเอชไอวีได้ มารักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่ต้องผ่านการปลูกถ่ายไขกระดูก
ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีมากกว่า 38 ล้านคนทั่วโลก และโรคเอดส์ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 40 ล้านคนนับตั้งแต่เอดส์เริ่มระบาดในช่วงทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา
ความก้าวหน้าทางการแพทย์ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการพัฒนากลุ่มยาต้านไวรัสที่สามารถควบคุมเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีผลเป็นบวกจำนวนมาก สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลายปี
ภาพจาก รอยเตอร์