เปิดประวัติ "มิคาอิล กอร์บาชอฟ" ผู้นำโซเวียตคนสุดท้าย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 1990
เปิดประวัติ มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย ผู้ปูทางไปสู่การสิ้นสุดของสงครามเย็น และการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในอดีตสหภาพโซเวียต
มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ผู้นำคนสุดท้ายก่อนการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อวันอังคาร (30 ส.ค.) ในวัย 91 ปี ด้วยอาการป่วยเรื้อรัง ที่โรงพยาบาลเซ็นทรัล คลินิคัล กรุงมอสโก
ประวัติมิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ
เป็นนักการเมืองชาวโซเวียตรัสเซีย เป็นผู้นำคนที่แปดและคนสุดท้ายแห่งสหภาพโซเวียต ดำรงแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตระหว่างค.ศ. 1985 ถึง 1991 ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐระหว่างค.ศ. 1988 ถึง 1991 ดำรงตำแหน่งประธานเปรซิเดียมสูงสุดระหว่างค.ศ. 1988 ถึง 1989 และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโซเวียตระหว่างค.ศ. 1990 ถึง 1991 กอร์บาชอฟเคยมีอุดมการณ์แบบลัทธิมาคส์-เลนิน แต่เปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมในทศวรรษที่ 1990
มิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ มีเชื้อสายยูเครนและรัสเซีย เขาเกิดที่เมืองรีวอลโนเยทางตะตกวันตกของสหภาพโซเวียต ครอบครัวเป็นชาวไร่ยากจน กอร์บาชอฟเติบโตขึ้นมาภายใต้การปกครองของโจเซฟ สตาลิน ในตอนเด็กเขาเคยเป็นคนควบคุมรถเกี่ยวผลผลิตในนารวม และต่อมาได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเวลานั้นเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ปกครองสหภาพโซเวียตตามแนวคิดของมาคส์-เลนิน ระหว่างที่กอร์บาชอฟศึกษาวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยมอสโก
มิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟแต่งงานกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนในปี 1953 และจบการศึกษาในปี 1955 หลังจากนั้นจึงย้ายไปยังเมืองสตัฟโรโปล ไม่ไกลจากบ้านเกิด และทำงานเป็นพนักงานเดินเครื่องจักรกลของสันนิบาตยุวชนคอมมิวนิสต์ ภายหลังการอสัญกรรมของสตาลิน เขาเป็นแกนนำสนับสนุนนโยบายล้างระบอบสตาลินของนีกีตา ครุชชอฟ ผู้นำโซเวียตคนใหม่ กอร์บาชอฟได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำสตัฟโรโปลในปี 1970
ในปี 1978 มิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ เดินทางไปกรุงมอสโกเพื่อรับตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมการกลางของพรรค และในปี 1979 ก็ได้เป็นสมาชิกกรมการเมืองของพรรค และในสามปีให้หลังการอสัญกรรมของเลโอนิด เบรจเนฟ กรมการเมืองก็เลือกเขาเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และเป็นประมุขแห่งรัฐโดยพฤตินัยในปี 1985
นโยบายการปฏิรูป
ในระหว่างการดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค มิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ ได้ริเริ่มโครงการปฏิรูปและปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยนโยบายที่รู้จักกันในชื่อ "เปเรสตรอยคา" (Perestroika) เป็นการให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้น ยอมให้มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ เพิ่มเสรีภาพแก่สื่อและสิ่งพิมพ์ ยอมให้มีเสรีภาพทางวัฒนธรรม และนโยบาย "กลัสนอสต์" (Glasnost) ที่ยอมให้มีการตรวจแก้ประวัติศาสตร์ของประเทศ จากที่เขาปรับปรุงระบบเศรษฐกิจและการเมืองให้เสรีภาพแก่ประชาชนมากขึ้นทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1990
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ด้านนโยบายการต่างประเทศและกลาโหม กอร์บาชอฟได้ตัดทอนลดงบประมาณด้านการทหาร นำนโยบาย "เดต็องต์" (Détente) กลับมาใช้ใหม่ ลดอาวุธนิวเคลียร์กับฝ่ายตะวันตก พร้อมทั้งถอนทหารออกจากประเทศอัฟกานิสถานในปี 1989 ในที่สุดฝ่ายอนุรักษนิยมในกองทัพยอมไม่ได้จึงรัฐประหารเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1991 ซึ่งกอร์บาชอฟรอดมาได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ จากการประท้วงของประชาชนนำโดยบอริส เยลต์ซิน แต่ในที่สุดก็ถูกบังคับให้ลาออก หลังพรรคคอมมิวนิสต์ถูกยุบและสหภาพล่มสลายในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน
นับตั้งแต่ปี 1993 เป็นมา มิคาอิล เซอร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ ได้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธินานาชาติเพื่อการศึกษาด้านเศรษฐกิจ-สังคมและการเมืองชื่อว่ามูลนิธิกอร์บาชอฟ
อ้างอิง wikipedia
ภาพจาก AFP